4 วัน 3 คืน เส้นทาง ลำปาง-สุโขทัย-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น
Day 1 การเดินทางทริปนี้เราเริ่มจากสนามบินดอนเมืองนั่งเครื่องบินมาลงที่เชียงใหม่ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อเช้าวันแรกแวะทานกันที่ ร้านโจ๊กสมเพชร จ.เชียงใหม่ ซึ่งที่นี่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารท้องถิ่น อย่างข้าวซอย รสชาติเข้มข้นอร่อย หรือจะเป็นเมนูติ๋มซำ โจ๊ก ก็รสชาติดีไม่แพ้กัน ที่สำคัญอาหารร้อนๆ และมาเสิร์ฟไวมากค่ะ ที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบาย
จากนั้นเรานั่งรถตู้ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็เดินทางมาถึง จังหวัดลำปาง สถานที่แรกที่เราได้ไปสัมผัสก็คือ บ้านหลุยส์ ทีเลียวโนเวนส์ บ้านโบราณเรือนไม้อายุกว่าร้อยปี ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ณ ชุมชนท่ามะโอ และที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางของการค้าไม้เมืองลำปาง สำหรับเพื่อนๆที่สนใจอยากร่วมย้อนประวัติศาสตร์ ณ บ้านหลุยส์ แห่งนี้ ก็สามารถเดินทางมาได้ แถมเข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีเรื่องราวป้ายบอกประวัติอย่างละเอียดอยู่ที่หน้าอาคาร
สำหรับการเดินทางเที่ยวชุมชนท่ามะโอ ในครั้งนี้เราได้นั่งรถรางของทางชุมชนโดยจะมีพี่ปั๊พ ปราชญ์ชุมชน ที่มาเล่าเรื่องราวอย่างเจาะลึกให้ได้ทราบประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าย่านชุมชนท่ามะโอ โดยมาที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ที่มีอายุยาวนานกว่าพันปี เป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ซึ่งบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเคยเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้า พระแก้วมรกตศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำปางด้วย ภายในวัดยังมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม มีโอกาสได้มากราบสักการะบูชาก็ถือเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
จากนั้นเดินทางกราบสักการะขอพรและชมความสวยงามสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่าง ไทย จีน พม่า ที่วัดปงสนุกเหนือ ซึ่งวัดแห่งนี้ ได้รับรางวัลอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมดีเด่นจากยูเนสโก้เมื่อปี 2008 และอีก 1 ไฮไลต์ของวัดแห่งนี้ คือตัววิหารนั้นได้รับการประดับด้วยพระพิมพ์องค์เล็กจำนวนมากถึง 1080 องค์ จึงเป็นที่มาของชื่อ “วิหารพันองค์”ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
เดินมาอีกนิดนึงเราก็จะมาถึงวัดปงสนุกใต้ สถาปัตยกรรมศิลปะล้านนาผสมกับพม่าและจีน และเราจะพบกลองปู่จาหลายใบ ซึ่งในอดีตกลองปู่จา จะใช้เพื่อสื่อความหมายหรือแจ้งเหตุฉุกเฉินต่างๆ
ก่อนแวะทานอาหารเที่ยง ได้มีโอกาสมาทำ workshop เรียนรู้สมุนไพรไทยเครื่องแกงฮังเลที่ชุมชนท่ามะโอ สามารถซื้อผงเครื่องแกงเป็นของฝากติดไม้ติดมือไปทำกันที่บ้านได้ค่ะ
พักมาทานอาหารเที่ยงกันที่ร้าน ขนมจีนป้าบุญศรี เป็นร้านพื้นเมืองเมนูเด็ดของที่นี่ มีทั้ง ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และเมนูพื้นถิ่นที่อยากให้ลอง ข้าวกั้นจิ้น ที่มีส่วนผสมของเลือดหมู ทีมีรสชาติเค็มนิดๆ หอมน้ำมันหมูเจียว เพิ่มความกรุบกรอบด้วยกากหมูเจียว
อิ่มท้องกันแล้วได้เวลาเดินทางกันต่อมาที่ สถานปฏิบัติธรรมหลวงพ่อเกษม เขมโก กราบสรีระสังขารของหลวงพ่อ เกษม เขมโก เพื่อเป็นสิริมงคล
จากนั้นเรามากันที่บ้านม้าท่าน้ำ เพื่อมาชมวิถีชีวิตของอาชีพ สารถีขับรถม้า และร่วมทำกิจกรรม เทียนดอกไม้ และ ตุงพญายอ ลักษณะของตุงพญายอมีรูปทรงเหมือนเจดีย์ ทำเพื่อใช้ปักบนกองเจดีย์ทรายพร้อมกับตุง 12 ราศี ในเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่เมือง เพื่อบูชาพระเจดีย์ทราย พร้อมกับชมพิธีกรรมไหว้ครูแบบโบราณและการอาบน้ำม้า
หลังจากแดดร่มลมตก ก็ถึงเวลาได้นั่งรถม้าชมเมือง บ้านเก่าสบตุ๋ยและชุมชนกาดกองต้า ย้อนวันวานในอดีตผ่านรถม้าลำปางซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของเมืองลำปางที่ห้ามพลาด
โดยจุดหมายปลายทางของการนั่งรถม้าครั้งนี้มาจบที่บ้านพระยาสุเรนทร์ บ้านเก่าอันทรงคุณค่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอันโดดเด่น โดยปัจจุบันมีปรับมุมบ้านบางส่วนให้เป็นคาเฟ่ และ ส่วนของอาคารกลาสเฮ้าส์ด้านหลังได้ทำเป็นร้านอาหารสุดหรูในราคาที่เอื้อมถึง
ได้เวลาเข้าที่พัก คืนนี้เราพักกันที่ โรงแรมเดอะสเปซลำปาง( The Space Hotel Lampang ) ห้องพักใหม่สะอาด ทันสมัย อาหารเช้ามีเมนูอาหารพื้นเมืองให้ได้ทานกันด้วย
แอบกระซิบนิดนึงข้างๆ โรงแรมเดอะสเปซ มีคาเฟ่น่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น KoKimoto Bakery ครัวซองค์ ของที่นี่รสชาติหอมอร่อยมาก มีให้เลือกหลายรสชาติค่ะ
Day 2 วัดพระธาตุดอยพระฌาน แลนด์มาร์คใหม่ของจังหวัดลำปาง ที่บอกได้เลยว่าถ้ามาลำปางแล้วไม่มาเช็คอินที่นี่ถือว่าพลาดมากๆ วัดพระธาตุดอยพระฌาน แบ่งเป็น 2 ฝั่งหลักๆ ฝั่งแรกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่วัดญี่ปุ่น จะเห็นองค์พระใหญ่ ไดบุตสึ ที่จำลองมาจากพระไดบุตสึแห่งวัดโคโตคุ เมืองคามาคุระ ประเทศญี่ปุ่น ตระหง่ามท่ามกลางป่าเขาเขียวขจี บริเวณรอบๆ ตกแต่งด้วยโคมไฟแขวน, ป้ายขอพร และซุ้มประตูโทริอิ ที่ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นสุดๆ
อีกฝั่งหนึ่งคือตัวพระธาตุสีขาว โดดเด่นตะหง่าน บนยอดฉัตรมีสีทอง แบบศิลปะล้านนาที่งดงาม ด้วยตัววัดอยู่บนยอดเขา ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของโค้งน้ำ และทุ่งนากว้างใหญ่ ของอำเภอแม่ทะ, อำเภอเกาะคา และอำเภอเมืองของจังหวัดลำปางได้รอบทิศแบบ 360 องศา และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก และหากมาในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว ก็จะเห็นทะเลหมอกในช่วงเช้าๆ อีกด้วย ซึ่งวัดแห่งนี้ ถือเป็น 1 ใน 25 ของ Unseen New Chapter 2023 ของ ททท. อีกด้วยค่ะ
มาถึงลำปาง สายมูอย่างเราก็ต้องไม่พลาดที่จะมากราบสักการะบูชา พระธาตุลำปางหลวง วัดประจำจังหวัดลำปาง อีกทั้งยังเป็นพระธาตุของคนเกิดปีฉลู (ปีวัว) เนื่องจากเริ่มสร้างในปีฉลูและสร้างเสร็จในปีฉลู เช่นกัน แต่คนเกิดปีอื่นก็สามารถกราบสักการะของพรได้เช่นกัน
จากลำปางเดินทางกันต่ออีกประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ เราไปเที่ยวชิมช้อปกันต่อที่ บ้านนาต้นจั่น ชุมชนต้นแบบของ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย มาชิม ข้าวเปิ๊บ และ ข้าวพันไข่ อาหารพื้นถิ่นที่มีเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และภายในชุมชนก็มีของท้องถิ่นให้ได้ช้อปกันพอกรุบกริบ พร้อมกับสอดแทรกกิจกรรมที่น่าสนใจ ด้วยการนั่งรถอีแต๊ก มาชมการสาธิต การทำตะเกียบ ไม้จิ้มฟัน และ ชิม มะนาวฝางราดน้ำผึ้งกินคู่กับมะละกอ ว้าวทานแล้วฟินมากๆ ถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการรังสรรค์เมนูใหม่ให้ได้ลิ้มลองกัน
ก่อนเดินทางกลับเข้าที่พักพิษณุโลก เราก็แวะช้อป ชิม แชะ กันนิดๆหน่อยๆ ที่ ตลาดฮิมฮวย ซึ่งเป็นตลาดเล็กๆ น่ารักแต่มีความเป็นอัตลักษณ์ที่ใครมาเยือนแล้วต้องติดใจ ส่วนใหญ่จะเป็นของกิน ที่สามารถเดินทางเล่นแบบชิลๆ และถ่ายรูปกันแบบเพลินๆ ด้วยค่ะ
อาหาค่ำ คืนนี้เราทานกันที่ ร้านแพพิดโลก เป็นอีกหนี่งร้านที่ของกินอร่อยมีเมนูอาหารไทยให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารไทย อาหารจีน แถมมีมุมให้ได้แชะภาพบรรยากาศเมืองเก่าพิษณุโลกกันด้วยค่ะ
คืนนี้เราพักกันที่ แกรนด์ริเวอร์ไซด์ พิษณุโลก โรงแรมกลางใจเมืองตั้งอยู่บนริมฝั่งของสายน้ำน่าน บรรยากาศร่มรื่นสงบท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม ห้องพักสะอาด
Day 3 ออกเดินทางจากพิษณุโลก ผ่านเส้นเขาค้อ และ น้ำหนาว เราก็มีแวะช้อปกระจายรายได้ กันที่ตลาดชาวเขา-เขาค้อ
ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงการท่องเที่ยววิถีสีชมพู โดยแวะพักทานอาหารกลางวันพื้นบ้าน จากวัตถุดิบสดๆใหม่ๆของชุมชน ที่ ไร่ภัทราวรินทร์ Cafe & Camp ตั้งอยู่ชุมชนดงลาน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ชุมชนที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและท้องนาอันเขียวขจี ที่นี่ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร หากใครอยากใกล้ชิดและสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้นทางไร่ก็มีที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ ให้บริการด้วยค่ะ
หลังจากทานอาหารกันอิ่มท้อง อิ่มตา แล้ว คุณณุ ผู้นำชุมชน พาชมกิจกรรมของชุมชน ชมการหว่านแห ตกปลา ในแบบวิถีชาวบ้าน และไปต่อยัง วัดถ้ำแสงธรรม วัดนี้ มีบันไดให้ขึ้นชมวิว 360 องศา ซึ่งจุดนี้ เราจะมองเห็นเขาถึง 4 จังหวัดภาคอีสานด้วยกัน เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น และ ชัยภูมิ เป็นอีกหนึ่งอันซีน(Unseen) ที่ขึ้นไปแล้วต้องร้องว้าว ๆๆ กับความสวยงามของวิวทิวทัศน์และบนชั้นสูงสุดจะมีรอยพระพุทธบาทให้ได้กราบสักการะขอพรด้วยค่ะ
หลังจากเดินขึ้นลงบันได ประมาณ 1,436 ขั้น พอได้เหงื่อซึมกันแล้วเราก็เดินทางไปแช่น้ำเย็นๆ ริมลำน้ำพอง ทำงานศิลปะจากหินสี อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ตามธรรมชาติสร้างสรรค์ ช่วยให้ผ่อนคลายมีสมาธิ
ได้เวลาอันสมควรเราเดินทางต่อมาที่ในเมืองขอนแก่น เย็นนี้ พวกเราฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารหน้าไม้ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมาทานข้าวบ้านญาติผู้ใหญ่ เมนูที่นี่ออกติดหวานหน่อยๆ ใครชอบรสชาตินี้ก็มาลิ้มลองกันได้ แต่ต้องจองล่วงหน้านะเพราะเจ้าของร้านทำกันอง ภรรยาทำอาหาร ส่วนคุณสามีเสิร์ฟเองจ้า
ถึงเวลาเข้าที่พัก คืนนี้ เรามานอนกันที่ Ad Lib Khon Kaen โรงแรมใหม่ระดับ 5 ดาว ไฮไลต์สุดๆ คือ สะพานกระจก (Sky Bridge) และ สระว่ายน้ำ ที่อยู่บนชั้น 28 ที่สูงสุดในขอนแก่น เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของขอนแก่น ส่วนห้องพักนั้นมีขนาดใหญ่มีอุปกรณ์ครบครัน
หลังจากอาบน้ำพอหายเหนื่อยแล้ว เราก็ขอไปดูบรรยากาศยามค่ำคืน ที่ตลาดต้นตาล เป็นแหล่งรวบรวมร้านค้าเยอะมาก ของกินอร่อยๆแซ่บๆ เสื้อผ้า แฟชั่น หลากหลาย กินช้อปเพลินๆกันไป
Day 4 ทานอาหารเช้าสุดหรูบนวิวตึกสูงแล้ว เราก็เดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์ธนารักษ์ จังหวัดขอนแก่น ที่พาเราย้อนเวลาไปใน”โลกของเงินตรา” ที่เชื่อมโยงทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ปิดท้ายทริปนี้ กันที่ พิพิธภัณฑ์ฑสถานแห่งชาติขอนแก่น เป็นที่รวบรวม และ จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ของภาคอีสาน โดยแบ่งการจัดแสดงเป็น 6 ห้อง ด้วยกัน ตั้งแต่ 1.สมัยก่อนประวัติศาสตร์ 2.สมัยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมทวารวดี 3.วัฒนธรรมขอม 4. วัฒนธรรมล้านช้าง 5.สมัยรัตนโกสินทร์ 6.ห้องศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน
#เที่ยวข้ามภาค #Unseen 2023 #ภาคเหนือ-อีสาน #โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ #เที่ยววิถีชุมชน