จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยที่พบผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง และจากแนวโน้มที่เกิดขึ้น ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของโควิด-19 ในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐ เอกชน หรือ รพ.สนาม ย่อมมีข้อจำกัดในจำนวนของความสามารถในการรองรับ จำนวนเตียงที่จำกัด ดังนั้น ในหลายประเทศที่มีอัตราการพบผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ๆ แนวทางหนึ่งที่มีการเลือกใช้คือ Home Isolation หรือการแยกตัวที่บ้าน เพื่อรักษาอาการ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ในประเทศไทยยังไม่มีการให้ผู้ป่วยทำการแยกตัว หรือ Home Isolation แต่อย่างใด ดังนั้นคำแนะนำเหล่านี้ จึงเป็นแนวทางเพื่อเตรียมพร้อม หากมีความจำเป็นที่จะต้องทำ Home Isolation ในการแยกตัวรักษาที่บ้านนั่นเอง
…
Home Isolation คือะไร
สำหรับการแยกกักตัวที่บ้าน หรือแยกตัวรักษาโรคโควิด-19 เป็นแนวทางที่มีการใช้กันในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ และอีกหลายประเทศในยุโรป เนื่องจากจำนวนเตียงใน รพ.ที่มีอยู่ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก ๆ ได้ทั้งหมด
ในขณะนี้ผู้ป่วยที่มีอาการเบา หรือไม่มีอาการนั้น มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะสามารถพักอาศัย โดยการแยกรักษาตัวที่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เตียงโรงพยาบาล เพื่อให้เตียงในโรงพยาบาลว่าง สำหรับรองรับผู้ป่วยที่มีอาการมากกว่า หรือจำเป็นมากกว่า นั่นเอง
…
ข้อดีของ Home Isolation :
- ผู้ป่วยจำนวนมากมีอาการเบา สามารถดูแลตัวเองได้
- กรณีที่มีผู้ป่วยในครอบครัวเดียวกัน สามารถลดความเครียดจากการต้องแยกกันอยู่ได้
- ลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาล
- รองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น
ข้อเสียของ Home Isolation :
- ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตที่บ้านได้เพิ่มขึ้น หากอยู่คนเดียวและไม่ได้มีการติดตามอาการที่ดีพอ
- หากไม่ระวังอาจจะเกิดการติดเชื้อในบ้านเพิ่มขึ้นได้
- มีโอกาสที่จะมีผู้ป่วยบางรายหนีออกจากการกักตัวออกไปภายนอก
ข้อแนะนำ : ในการระบาดในระลอกใหม่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แนวโน้มของผู้ป่วยโควิด-19 พบปริมาณเชื้อค่อนข้างสูง (ค่า CT ต่ำ) ซึ่งทำให้เชื้อแพร่กระจายได้มาก รวมถึงในขณะเดียวกันส่งผลให้เชื้อลงปอดได้ง่ายขึ้น การทำ Home Isolation จึงจำเป็นจะต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
เกณฑ์ในการพิจารณาผู้ป่วยแยกตัวของไทย
แนวทางที่สาธารณสุขได้มีการพิจารณาไว้ ได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในรายละเอียดไว้คือ จะมีการประเมินความพร้อมของตัวผู้ป่วยเอง ได้แก่
- เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ (asymptomatic cases)
- มีอายุไม่น้อยกว่า 60 ปี
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
- พักอาศัยอยู่คนเดียว หรือมีที่พักที่สามารถมีห้องแยกเพื่อพักคนเดียวได้
- ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกาย > 30 กก./ม.2 หรือ น้ำหนักตัว > 90 กก.)
- ไม่มีโรคร่วม ดังต่อไปนี้
6.1 โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
6.2 โรคไตเรื้อรัง (CKD)
6.3 โรคหัวใจและหลอดเลือด
6.4 โรคหลอดเลือดสมอง
6.5 เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
6.6 โรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ - ยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง
ซึ่งจะมีการพิจารณาความพร้อมของสถานที่ ความเป็นอยู่อาศัยในการแยกตัว ของผู้ป่วยด้วยว่ามีความพร้อมหรือไม่ ในส่วนของ
- มีผู้จัดหาอาหารและของใช้จำเป็นให้ได้
- มีห้องส่วนตัว (กรณีอยู่หอพัก / คอนโดมิเนียม ควรมีห้องน้ำส่วนตัว)
- ผู้ที่อยู่อาศัยร่วมสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องสุขอนามัยได้
- ติดต่อกับโรงพยาบาลและเดินทางมาโรงพยาบาลได้สะดวก
หากมีความพร้อมทั้งในแง่ของทางร่างกาย และสถานที่แล้ว ก็จะมีการดำเนินการให้ผู้ป่วยสามารถทำการแยกตัวรักษาอยู่ที่บ้าน หรือ Home Isolation ได้ โดยจะมีการดำเนินในขั้นตอนของโรงพยาบาล เพื่อเข้าสู่กระบวนการแยกตัว หรือ Home Isolation โดยจะมีขั้นตอนคือ
- ให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมของการทำ Home Isolation
- ลงทะเบียนผู้ติดเชื้อที่เข้าเกณฑ์การแยกตัวที่บ้าน
- มีภาพรังสีทรวงอก (chest X-ray) ในวันแรกที่วินิจฉัย
- แนะนำการดูแลรักษาตัวเองกับผู้ป่วย
- ติดตาม-ประเมินอาการ โดยใช้ปรอทวัดไข้ และ pulse oximeter ให้ผู้ติดเชื้อ เพื่อวัดค่าออกซิเจนในเลือดของผู้ป่วย และแจ้งต่อทางโรงพยาบาลทุกวัน
- ผู้ติดเชื้อมีอาการมากขึ้นให้มีระบบรับ-ส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล
- ระหว่างติดตามอาการของผู้ป่วย แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาตามความเหมาะสม
ลักษณะที่พักอาศัยที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยต้องอาศัยอยู่ในที่พักตลาดเวลากักตัว ห้ามออกจากบ้าน/ที่พัก
- มีห้องนอนส่วนตัว หรือหากไม่มีห้อง ควรจะต้องนอนห่างจากผู้อื่น เปิดหน้าต่าง-ประตูระบายอากาศให้ดี
- ต้องมีผู้จัดหาอาหารและของจำเป็นให้ โดยไม่ออกจากบ้าน
- ผู้อาศัยร่วมบ้านสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำต่าง ๆ ได้ และแยกตัวจากผู้ป่วยได้
- สามารถติดต่อกับทางโรงพยาบาลหรือเดินทางมาโรงพยาบาลได้สะดวก
>> วิธีการจัดการขยะติดเชื้อภายในบ้าน
…
สำหรับผู้ป่วยที่ต้องดูแล-สังเกตอาการตนเอง
- ให้สังเกตอาการตนเอง วัดอุณหภูมิและ oxygen saturation ทุกวัน
- หากมีอาการแย่ลง คือ มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ เช่น หอบ เหนื่อย ไข้สูงลอย ไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ให้รีบโทรติดต่อโรงพยาบาลที่ท่านรักษาอยู่
- เมื่อจะต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้ใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือรถที่โรงพยาบาลมารับ ไม่ใช้รถสาธารณะ และให้ผู้ที่ร่วมทางสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หรือหากมีผู้ร่วมทางมาด้วย ให้เปิดหน้าต่างรถ เพิ่มการระบายอากาศ
….
ข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยที่ทำ Home Isolation
- ไม่ให้บุคคลอื่นมาเยี่ยมที่บ้านระหว่างแยกตัว
- งดการออกจากบ้านในระหว่างแยกตัว
- ให้อยู่ในห้องตลอดเวลา เลี่ยงการใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในที่พัก โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วยเรื้อรัง
- หากมีอาการไอ จาม ต้องสวมหน้ากากอนามัย แม้ว่าจะอยู่ในห้องส่วนตัวก็ตาม
- สวมหน้ากากอนามัย ไม่ใช้หน้ากากผ้า
- หากจำเป็นต้องเข้าใกล้ผู้อื่น ให้สวมหน้ากาก รักษาระยะห่างไม่น้อยกว่า 1 เมตร
- ถ้ามีอาการไอ – จาม ให้อยู่ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร หันหน้าที่ในทิศทางตรงกันข้ามกับผู้ที่อยู่ใกล้ว
- การไอ-จาม ไม่ต้องเอามือปิดปากและไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัย เนื่องจากมืออาจจะเปรอะเปื้อนได้ หากไอจาม ในขณะที่ไม่ได้สวมหน้ากาก ให้ใช้ต้นแขนด้านในปิดปาก
- ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ โดยเฉพาะภายหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย ไอ และก่อนจับพื้นที่ผิวสัมผัสร่วม เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได
- กรณีผู้ป่วยที่มีบุตร ยังคงสามารรถให้นมบุตรได้ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัย – ล้างมือ ป้องกันทุกครั้งก่อนสัมผัส หรือ ให้นมบุตร
- ใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น กรณีใช้ห้องน้ำร่วมกัน ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย เมื่อใช้ชักโครกแล้วให้ปิดฝาก่อนกดน้ำ
- ทำความสะอาดห้องน้ำ – พื้นผิวที่อาจจะปนเปื้อนเสมหะ น้ำมูก อุจาระ ปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่งต่าง ๆ ด้วยน้ำและน้ำยาฟอกผ้าขาว 5%โซเดียมไฮโปคลอไรท์(เช่น ไฮเตอร์, คลอรอกซ์) โดยใช้5% โซเดียมโซเดียมไฮโปคลอไรท์ น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนต่อน้ำ 99 ส่วน หรือ 0.5% (น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วน ต่อน้ำ 9 ส่วน)
- แยกของใช้จากผู้อื่น เช่น ช้อน แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์
- ไม่รับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงไม่รับอาหารจากผู้ส่งอาหารโดยตรง
- ซักเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู ด้วยน้ำ-สบู่หรือผงซักฟ้องตามปรกติ
- กรณีทิ้งหน้ากากอนามัย ขยะที่เปรอะสารคัดหลั่งให้ใส่ถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท และทิ้งในถังขยะมิดชิด ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ทันที
แนวทางในการแยกกักของต่างประเทศ
สหรัฐฯ จะมีการแยกกักผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเบา หรือไม่มีอาการแต่ตรวจพบเชื้อ โดยมี
- จะต้องมีระบบรอรับการแจ้งเตือนฉุกเฉิน กรณีที่มีปัญหาทางด้านการหายใจ
- ต้องมีห้องแยกจากสมาชิกคนอื่น ภายในบ้าน
- ควรมีห้องน้ำแยกจากผู้อื่น (ถ้าเป็นไปได้)
- เลี่ยงการสัมผัสร่วมกับสมาชิกคนอื่นในบ้าน รวมถึงสัตว์เลี้ยง
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- สวมหน้ากากเมื่อต้องอยู่ใกล้กับผู้อื่น หรือเมื่อต้องออกนอกห้อง
ซึ่งในแนวทางการแยกกักตัวในต่างประเทศก็จะคล้ายในแนวทางเดียวกันคือ เน้นให้ผู้ป่วยอยู่คนเดียว ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน เลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยง หรือการปฏิสัมพันธ์กัน จำกัดการติดต่อโดยตรงระหว่างกัน
…
ปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อมีผู้ป่วยเข้าแยกกักอยู่ในบ้าน
สำหรับในการแยกกักในบ้านเดียวกัน โดยมีผู้ที่ไม่ป่วย หรือ ผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยกันนั้น จำเป็นจะต้องมีมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้ผู้ดูแลหรือ ผู้ที่อยู่ร่วมกันติดเชื้อไปด้วย โดยคำแนะนำของ CDC สหรัฐฯ หรือ NHS ของสหราชอาณาจักร ได้ระบุถึงมาตรการเหล่านี้ไว้คือ ให้ผู้ดูแล หรือผู้ที่อาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกับผู้ป่วยที่แยกกัก ให้มีช่วยเหลือ ดูแลผู้ป่วยตามเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป ที่ได้แนะนำไว้ เช่น ดูแลเรื่องของยา อาหาร น้ำดื่ม ต่าง ๆ หากมีพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีการทำความสะอาด กำจัดฝุ่นละออง
เลี่ยงการรวมตัวกัน รวมถึงการงดเยี่ยม จากผู้อื่น ที่จะแวะเดินทางมายังที่พักที่มีการกักตัวผู้ป่วยด้วย หากมีพื้นที่ที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกัน ครวรมีการทำความสะอาดอย่างเข้มงวดในพื้นที่เหล่านั้น แยกห้องน้ำ ของใช้ต่าง ๆ เท่าที่จำเป็นออกมาจากผู้ป่วย-ผู้ที่ไม่ป่วย และใส่หน้ากากอนามัยอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ให้เตรียมพร้อมเบอร์โทรฉุกเฉินไว้ใกล้ตัว ทันทีที่ผู้ป่วยมีอาการ คือ
- หายใจลำบาก
- มีอาการปวด เจ็บ หรือแน่นหน้าออกอย่างต่อเนื่อง
- มีอาการอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป
- ปลุกไม่ตื่น ไม่ตอบสนอง
- ริมฝีปาก หรือเล็บซีด มีสีคล้ำขึ้น
ให้รีบโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
…
เตรียมความพร้อมด้านสุขภาพจิต
สำหรับการเข้ารับการกักตัว หรือการแยกตัวรักษาอยู่บ้านนั้น จะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ทำให้โอกาสที่จะเกิดปัญหาเรื่องของความไม่สบายใจ อาการหงุดหงิด หรือเหงาเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะหากไม่มีพื้นที่ให้สามารถผ่อนคลาย หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้
ดังนั้นสิ่งที่สามารถทำได้สำหรับผู้เข้ารับการแยกตัวรักษาโควิด-19 คือ
- ติดต่อ พูดคุยกับเพื่อน หรือครอบครัวผ่านทางโทรศัพท์ / โซเซียลมีเดียบ่อย ๆ
- การออกกำลังกายเบาช่วยลดความไม่สบายใจ และทำให้สุขภาพดีขึ้นได้
- เมื่อทราบว่า ต้องเข้ารับการแยกตัว ควรวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ ไว้ อย่างน้อย 10-14 วัน
- หาอาหาร ขอใช้ที่จำเป็น เผื่อไว้ให้พร้อม หรือเผื่อในกรณีที่สิ่งของดังกล่าวหมด จะสามารถจัดส่ง-จัดหาได้อย่างไร
- การทำอาหาร อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์ เรียนออนไลน์ สิ่งเหล่านี้ ช่วยผ่อนคลายได้
…
กรณีที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องให้นมบุตร
ในหลายประเทศมีการพบผู้ป่วยที่มีบุตรซึ่งจำเป็นต้องให้นมแม่ แม้ว่าไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลยืนยันว่า เชื้อโควิด-19 จะติดต่อกันทางน้ำนม แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงจากการสัมผัสใกล้ชิดอยู่ด้วยกัน หรือผ่านทางอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีการสัมผัสร่วมกัน จึงควรปรึกษาแพทย์ และเลี่ยง หรือฆ่าเชื้อต่าง ๆ ให้มั่นใจก่อนที่จะมีการใช้ขวดนม เครื่องปั้มนม และส่งให้กับบุคคลอื่น