ประเด็นน่าสนใจ
- แม้จำเลยอ้างเป็นสื่อมวลชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่คำพูดในคลิปมีแต่คำด่าทอ
- คำพิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญา
ที่จังหวัดภูเก็ต ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ. 439/2562 โดยนายวิศิษฐ์ เอี่ยมวิโรจน์ฤทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัทป่าตอง พารากอน จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิ์ศรี หรือ “โจ้-สปอร์ตไลท์”
เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมโดยการโฆษณาข้อความทางเฟสบุ๊ค ใส่ความโจทก์และโจทก์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยจำเลยให้การรับสารภาพ ในวันนี้นายธรรมรัตน์ จำเลย เดินทางมาศาลเพื่อฟังการพิจารณาคดีด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อถ้อยคำในตอนแรกที่จำเลยพูดถึงเป็นการใส่ความโจทก์ และการที่จำเลยโพสต์ในเฟสบุ๊คโดยมีบุคคลอื่นเข้าดู จึงเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทั้งที่ไม่มีความเป็นจริง
ซึ่งทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ทั้งการโพสต์ลงในเฟสบุ๊คนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นการเผยแพร่ข้อความออกไปสู่สาธารณะ หรือประชาชนทั่วไปอันเป็นการโฆษณาด้วย การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328
ส่วนที่จำเลยอ้างว่ามีอาชีพเป็นสื่อมวลชน ย่อมวิพากษ์วิจารณ์ได้ และเป็นการเสนอข่าวไปด้วยความสุจริต อันเป็นการต่อสู้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมซึ่งบุคคลหรือสิ่งใด อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้นั้น
แต่หากพิจารณาถึงถ้อยคำที่จำเลยพูดในคลิปวิดีโอโดยละเอียดแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำที่ด่าทอโจทก์ มุ่งประสงค์ให้ร้ายและทำลายชื่อเสียงโจทก์ โดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลความจริงก่อน
จึงมิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต จำเลยย่อมไม่อาจอ้างเหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (2) มาปฏิเสธความผิดได้ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 328 จำคุก 2 ปี