ประเด็นน่าสนใจ
- AIDS -Almost Zero Run “วิ่งอีกนิดพิชิตเอดส์” พลังประชาชนสู่การยุติปัญหาเอดส์ของประเทศ
- กิจกรรมนี้มีขึ้นเพื่อรณรงค์ยุติปัญหาเอชไอวี/เอดส์ ให้หมดจากประเทศไทยภายในปี 2573
12 มกราคม 2563 มูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมวิ่งการกุศล AIDS-Almost Zero Run “วิ่งอีกนิดพิชิตเอดส์” ณ กระทรวงสาธารณสุข ชวนคนไทยร่วมแสดงพลัง รณรงค์ยุติปัญหาเอชไอวี/เอดส์ ให้หมดจากประเทศไทยภายในปี 2573
เย็นจิต สมเพาะ ผู้อำนวยการมูลนิธิเอดส์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมวิ่งการกุศลในครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นให้คนไทยตื่นตัวเรื่องเอชไอวี/เอดส์อีกครั้ง ปัจจุบัน สถานการณ์เอดส์ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่เอดส์ยังไม่หายไปจากสังคมไทย ซึ่งคาดประมาณว่ามีผู้ติดเชื้อฯรายใหม่กว่า 5,000 คน/ปี (เฉลี่ยราว 15 คน/วัน)
โดยที่ผ่านมาพบว่า คนไทยยังมีความรู้ความเข้าใจและมุมมองต่อผู้ติดเชื้อฯไม่ต่างจากหลายสิบปีที่ผ่านมา ยังมีการรังเกียจ และขาดข้อมูล ความรู้ ในการป้องกันและอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อฯ แม้ว่าปัจจุบันการรักษาด้วยยาต้านไวรัสมีความก้าวหน้า และทำให้ผู้ติดเชื้อฯสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วก็ตาม แต่ยังมีตีตราผู้ติดเชื้อฯด้วยคำพูดและการกระทำอยู่เสมอ
ขณะเดียวกันสถานการณ์การติดเชื้อฯ ในกลุ่มอายุ 20-24 ปี มีแนวโน้มสูงขึ้น และที่น่าเป็นห่วงคือ เยาวชนติดเชื้อฯแล้วไม่ทราบสถานการติดเชื้อฯของตนเอง ฉะนั้น การทำให้ทุกคนในสังคมมีข้อมูล ความรู้ และความตระหนัก จะสามารถนำประเทศไปสู่การยุติปัญหาเอดส์ ได้ทั้งมิติในด้านการรักษาและการดูแลทางสังคม
การจัดกิจกรรม “AIDS-ALMOST ZERO RUN”ครั้งนี้ ถือว่าเป็นกิจกรรมแบ่งปันดีๆ ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วม เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ที่สำคัญให้เกิดขึ้น คือ “การยุติปัญหาเอดส์ในประเทศไทย” เพื่อ ลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ลดการเสียชีวิตจากเอดส์ และลดการรังเกียจกีดกันและเลือกปฏิบัติ โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปทำงานป้องกัน ดูแลช่วยเหลือเด็ก/เยาวชน และครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์
นิภาภรณ์ พงสระพัง ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ เขต 8 จังหวัดอุดรธานี ทำงานเป็นอาสาสมัครและวิทยากรให้ความรู้แก่เด็ก/เยาวชนตามโรงเรียนต่างๆ และช่วยเหลือกลุ่มผู้ติดเชื้อฯในชุมชนที่ประสบปัญหา กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้ติดเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่มีสุขภาพดีไม่ต่างไปจากคนที่ไม่มีเชื้อฯ อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับเรื่องเอชไอวี/เอดส์ให้ถูกต้อง และไม่ตีตราผู้ติดเชื้อฯ เพราะคนที่ติดเชื้อฯ ส่วนใหญ่ติดมาจากคนที่ไม่รู้ว่าตนเองมีเชื้อฯ และไม่ได้ป้องกัน การที่ผู้ติดเชื้อฯกินยาต้านไวรัสเป็นประจำ ทำให้พวกเขามีโอกาสแพร่เชื้อได้น้อย ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คนในสังคมจะรังเกียจผู้ติดเชื้อฯ แต่ควรสนับสนุนให้ทุกคนไปตรวจเลือดมากกว่า”
ด้านนพรุจ หมื่นแก้ว (ไม้คิว) เยาวชนที่ทำงานกับเยาวชนที่อยู่ร่วมกับเชื้อฯ เล่าว่า เด็กและเยาวชนที่อยู่ร่วมกับเชื้อฯเติบโตมาพร้อมกับความหวาดกลัว และต้องการความรักความเอาใจใส่เหมือนกับเด็กทั่วๆไป ซึ่งผู้ใหญ่สามารถให้กับพวกเขาได้ เด็กทุกคนสามารถเติบโต ใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติ เมื่อทุกคนเข้าใจและเปิดใจก็ทำให้พวกเขามีกำลังใจและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น ในขณะเดียวกัน “ไม้คิว” ก็อยากให้เพื่อนๆ เยาวชนรู้จักวิธีป้องกัน และอย่าอายที่จะพกถุงยางอนามัย ส่วนใครที่มีความเสี่ยงก็อย่าอายที่จะไปตรวจ เพราะปัจจุบัน เอชไอวีเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้ “เอดส์ รู้เร็ว รักษาเร็ว ชีวิตปลอดภัย”