รุมทำร้าย

แม่ผวา! หลังคลิปลูกสาวถูกรุ่นพี่ต่างโรงเรียนรุมทำร้าย แชร์ว่อนโซเชียล

แม่เด็กผวา หลังพบคลิปลูกสาวถูกรุ่นพี่ต่างโรงเรียนรุมทำร้าย แถมมีรุ่นพี่เขียนข้อความข่มขู่ เผยเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้น ก.ย. 61 แล้ว ขอปรึกษาครอบครัวก่อนตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี กรณีคลิปภาพเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง รุมทำร้ายนักเรียนหญิงรุ่นน้อง ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของกลุ่มเด็กที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายรุ่นน้อง ขณะเดียวกันยังสร้างผลกระทบให้กับเด็กหญิงและครอบครัว โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่กังวลว่าลูกสาวจะถูกทำร้ายอีก จากความไม่พอใจของรุ่นพี่บางคนที่อยู่ในกลุ่มคู่กรณี…

Home / NEWS / แม่ผวา! หลังคลิปลูกสาวถูกรุ่นพี่ต่างโรงเรียนรุมทำร้าย แชร์ว่อนโซเชียล

แม่เด็กผวา หลังพบคลิปลูกสาวถูกรุ่นพี่ต่างโรงเรียนรุมทำร้าย แถมมีรุ่นพี่เขียนข้อความข่มขู่ เผยเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้น ก.ย. 61 แล้ว ขอปรึกษาครอบครัวก่อนตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดี

กรณีคลิปภาพเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง รุมทำร้ายนักเรียนหญิงรุ่นน้อง ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของกลุ่มเด็กที่ใช้ความรุนแรงทำร้ายรุ่นน้อง ขณะเดียวกันยังสร้างผลกระทบให้กับเด็กหญิงและครอบครัว โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่กังวลว่าลูกสาวจะถูกทำร้ายอีก จากความไม่พอใจของรุ่นพี่บางคนที่อยู่ในกลุ่มคู่กรณี

หลังรุ่นพี่คนนี้ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในเพจที่มีการเผยคลิปในลักษณะข่มขู่ โดยคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา

ล่าสุดแม่เด็กหญิงคนนี้ ยังไม่ต้องการให้สื่อเข้าพบ แต่ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ว่า ลูกสาวเรียนอยู่คนละโรงเรียนกับเด็กกลุ่มคู่กรณี แต่รู้จักกันผ่านเพื่อน โดยหลังเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้ง 2 โรงเรียนได้เชิญผู้ปกครองไปเจรจาไกล่เกลี่ย ขณะที่ลูกสาวได้บอกว่าเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทกันธรรมดา อยากให้จบ ทางครอบครัวจึงไม่ติดใจเอาความ เพราะเห็นว่าลูกก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมาก

กระทั่งมีคลิปภาพเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียเมื่อ 2 วันก่อน แต่ตนเพิ่งเห็นคลิปเมื่อวานนี้ รู้สึกตกใจมากที่เห็นภาพลูกตัวเองถูกทำร้ายอย่างรุนแรง เมื่อเข้าไปอ่านในช่องแสดงความคิดเห็น ก็พบมีหนึ่งในกลุ่มนักเรียนที่รุมทำร้ายลูก แต่ไม่ใช่คนที่ลงมือ เข้ามาเขียนข้อความว่า “อยากเจออีก คราวก่อนโดนไม่คนยังไม่เข็ด” จึงได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อ และพยายามติดต่อกับเด็กรายนี้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนั้นมีเด็กในกลุ่มที่ร่วมลงมือทำร้ายลูกสาวเข้ามาตอบคอมเมนต์ในลักษณะว่า “ไม่มีอะไร”

แม่เด็กหญิง กล่าวว่า ตอนแรกก็ไม่ติดใจและไม่คิดจะแจ้งความดำเนินคดีกับเด็ก เพราะเห็นว่าเรื่องจบไปแล้ว แต่เมื่อเห็นคลิปภาพที่ถูกแชร์ออกไป และข้อความที่เด็กกลุ่มนี้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ก็รู้สึกกังวล กลัวลูกจะถูกเด็กกลุ่มนี้กลับมาหาเรื่องและทำร้ายอีก จึงขอปรึกษากับสามีซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากจังหวัดตากก่อน ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แม้ว่าลูกสาวของตนเองจะเรียนอยู่โรงเรียนกับเด็กกลุ่มนี้ แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังโรงเรียนของกลุ่มเด็กนักเรียนที่รุมทำร้ายรุ่นน้องในคลิป เบื้องต้นได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า กรณีที่เกิดขึ้นผู้อำนวยการโรงเรียนจะเป็นคนชี้แจงเอง แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถติดต่อผู้อำนวยการได้

อย่างไรก็ตาม พบว่า มีครูของโรงเรียนดังกล่าว ได้แชร์ข้อความชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้นบนเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “เรียน ท่านผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และสมาชิกเพ็จโรงเรียนจอมทอง ทุกท่าน ตามที่ได้มีคลิปเผยแพร่ กรณีเหตุนักเรียนทะเลาะวิวาทนั้น ทางโรงเรียนได้ดำเนินการติดตาม และตรวจสอบเหตุการณ์นักเรียนในตามคลิป และผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย มาสืบสวน และ สอบสวน ร่วมกับ สภ.จอมทอง เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้ทำความตกลง และทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนจอมทองขอบคุณคุณทุกท่านที่ให้การติดตาม และให้กำลังใจโรงเรียนจอมทอง จึงขอขอบคุณ มา ณ โอกาสนี้” โดยใต้โพสต์ดังกล่าวได้ติดแฮชแท็ก #หากการแชร์ต่อไปอาจกระทบสิทธิ์พื้นฐานของเด็ก และแชร์ต่อไปผิด พ.ร.บ.คอมฯ

ด้าน พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า หลังเกิดเหตุคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจายุติเรื่องราวกันไปแล้ว แต่ปรากฏว่าคลิปที่ถูกนำไปเผยแพร่ ทำให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายเกิดความไม่พอใจขึ้นมาอีก โดยฝ่ายแม่ผู้เสียหายที่เพิ่งมาเห็นคลิป กังวลเรื่องความปลอดภัยจึงจะเข้าแจ้งความ ส่วนฝ่ายคู่กรณีก็ระบุจะแจ้งความตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ จากการเผยแพร่คลิป ทั้งที่มีการเจรจาจบเรื่องกันไปแล้ว

เรื่องนี้หากทางฝั่งผู้เสียหายมาแจ้งความ ทางตำรวจก็พร้อมดำเนินคดีให้ ขณะเดียวกันได้สั่งให้ตำรวจในพื้นที่เข้าไปประสานกับทางโรงเรียนและผู้ปกครอง เพื่อสอดส่องพฤติกรรมเด็กป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นมาอีก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม