‘ศรีสุวรรณ’ จ่อร้อง ป.ป.ช. สอบโครงการเตาเผาขยะ กทม. 1.3 หมื่นล้าน มีพิรุธ
วันนี้(6 ม.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เนื่องจากพบข้อพิรุธในการจัดทำร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) โครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอยขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวันที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขมและอ่อนนุช ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็คทรอนิกส์ (e-bidding) วงเงินงบประมาณโครงการละ 6,570 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 13,140 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้เงินแผ่นดินที่สูงผิดปกติไปแล้วนั้น
ซึ่งการกำหนดทีโออาร์โครงการดังกล่าวมีข้อพิรุธหลายประการที่ส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางรายที่วางแผนร่วมกันกับ กทม. อย่างเป็นขั้นเป็นตอน อาทิ การกำหนดราคากลางที่สูงกว่าโครงการกำจัดขยะของท้องถิ่นอื่น ๆ กว่า 3 เท่าตัว คือ 919 บาทต่อตัน ทั้งๆ ที่ท้องถิ่นอื่น ๆ ได้ดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันกับ กทม. แต่ทว่ากลับมีราคากลางที่น้อยกว่า กทม.มาก อาทิ โรงงานแปรรูปขยะมูลฝอยชุมชนขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าขอนแก่น กำจัดขยะเพียงตันละ 250 บาทในปีแรก และกำหนดเพิ่มขึ้น 10% ในทุก 3 ปี หากคำนวณตามสัญญาสัมปทานดังกล่าว อัตราค่าจ้างกำจัดขยะสูงสุดไม่เกิน 490 บาทต่อตันเท่านั้น
ขณะที่โรงเตาเผาขยะเทศบาลนครภูเก็ตในปัจจุบันก็กำหนดอัตราค่าจ้างกำจัดขยะเพียง 300 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับที่ได้กำหนดไว้ในร่างทีโออาร์โครงการเตาเผาขยะมูลฝอยในอีกหลายๆจังหวัด อีกทั้งทุกโครงการมีการต่อยอดเป็นกิจการผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้กับ กฟผ. หรือ กฟภ. ซึ่งถือเป็นรายได้หลักอีกทางของบริษัทเอกชนที่เข้ามาลงทุนด้วย แต่โครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผากลับเขียนทีโออาร์กำหนดไว้ถึงตันละ 919 บาท/ตัน แล้วแสร้งต่อรองราคาให้เหลือ 900 บาท/ตัน
ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการจัดทำทีโออาร์ดังกล่าวมีข้อพิรุธหลายประการที่ส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางรายซึ่งอาจขัดต่อมาตรา 11 มาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 อีกทั้งขัดต่อมาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วย เพื่อให้การตรวจสอบการใช้อำนาจของ กทม.ที่ส่อไปในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพิ่มอีกหน่วยงานหนึ่ง เพื่อเอาผิดคณะกรรมการกำหนดราคากลาง และคณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์ และผู้บริหารของ กทม. ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.ต่อไป