กุหลาบกินได้ กุหลาบแปรรูป ผู้ประกอบการญี่ปุ่น ฟาร์มกุหลาบ เกษตรกรญี่ปุ่น

สาวญี่ปุ่นวัย 25 หันทำฟาร์มกุหลาบกินได้-แปรรูป ทำเงิน 100 ล้านเยนต่อปี

ชีวิตช่วงนี้ของ อายากะ ทานากะ (Ayaka Tanaka) สาวสวยชาวญี่ปุ่นวัย 25 กำลังยุ่งน่าดู กิจวัตรประจำวันของเธอ คือการไปตรวจดูฟาร์มกุหลาบที่ชานกรุงโตเกียว เลือกกลีบกุหลาบด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิต ไปพบกับลูกค้าในเมือง นอกจากนี้เธอก็ยังเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยไปด้วย ควบคู่กับการศึกษาภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมที่จะขยับขยายธุรกิจของเธอไปยังต่างประเทศในอนาคต  อายากะก่อตั้งฟาร์มกุหลาบของเธอเมื่อปี…

Home / NEWS / สาวญี่ปุ่นวัย 25 หันทำฟาร์มกุหลาบกินได้-แปรรูป ทำเงิน 100 ล้านเยนต่อปี

ชีวิตช่วงนี้ของ อายากะ ทานากะ (Ayaka Tanaka) สาวสวยชาวญี่ปุ่นวัย 25 กำลังยุ่งน่าดู กิจวัตรประจำวันของเธอ คือการไปตรวจดูฟาร์มกุหลาบที่ชานกรุงโตเกียว เลือกกลีบกุหลาบด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลาเก็บผลผลิต ไปพบกับลูกค้าในเมือง นอกจากนี้เธอก็ยังเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยไปด้วย ควบคู่กับการศึกษาภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมที่จะขยับขยายธุรกิจของเธอไปยังต่างประเทศในอนาคต 

อายากะก่อตั้งฟาร์มกุหลาบของเธอเมื่อปี 2015 ภายใต้ชื่อบริษัท Rose Labo ปัจจุบันทำฟาร์มกุหลาบออร์แกนิคบนพื้นที่ 3,300 ตารางเมตร ในฟุกะยะ จังหวัดไซตามะ มีคนงาน 10 กว่าคน

กลีบกุหลาบที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์และปลอดสารเคมีจากฟาร์มแห่งนี้ จะถูกนำไปใช้แต่งหน้าเค้ก หรือทำเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น แยม เครื่องสำอาง วางขายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าในกรุงโตเกียว รวมถึงจำหน่ายบนออนไลน์

ผลิตภัณฑ์กุหลาบแปรรูปของ Rose Labo

ที่มาที่ไปของการทำธุรกิจเกี่ยวกับกุหลาบนี้ อายากะเล่าย้อนไปยังวัยเด็กว่า เธอผูกพันกับกุหลาบมาตั้งแต่เด็กๆ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอไม่ว่าจะเป็นลายบนจานข้าว แก้วน้ำที่บ้าน หรือคำพูดของคุณยายทวดผู้รักกุหลาบเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งมักจะกล่าวอยู่เสมอว่า “กุหลาบทำให้ผู้หญิงโดดเด่น”

จนกระทั่งวันหนึ่ง ตอนที่อายากะเรียนอยู่ปีหนึ่ง ขณะที่กำลังพูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกับแม่ของเธออยู่นั้น แม่ของเธอก็พูดถึงดอกกุหลาบที่กินได้ขึ้นมา ซึ่งอายากะประหลาดใจมาก เพราะเธอไม่เคยรู้เลยว่ามีกุหลาบชนิดที่กินได้อยู่ด้วย

ความรู้ใหม่นี้ กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของเธอ ที่ทำให้เธอเปลี่ยนจากเด็กมหาวิทยาลัยที่เรียนไปวันๆ ปราศจากความท้าทาย เพราะไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง และไม่แน่ใจเรื่องอนาคต กลายเป็นหญิงสาวที่มาพร้อมกับแผนการ

การค้นพบเกี่ยวกับดอกไม้ที่เธอคิดว่าเธอรู้จักดีอยู่แล้ว สอนให้เธอตระหนักว่า มันคงเหมือนกับหลายเรื่องในชีวิตก่อนหน้านี้ ที่เธอก็ทึกทักเอาเองมากเกินไป และทำให้เธอเริ่มมองความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของตัวเธอเอง และดอกกุหลาบ

ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ลาออกจากการเรียนด้านการเมืองระหว่างประเทศในมหาวิทยาลัย และไปทำงานในฟาร์มกุหลาบที่โอซาก้า เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกกุหลาบ นั่นเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับคนในครอบครัวมิใช่น้อย เพราะไม่เคยมีคนในตระกูลที่เคยทำอาชีพเกี่ยวกับการเษตรมาก่อนเลย

ปัจจุบันอุตสาหกรรมการเกษตรของญี่ปุ่นนั้นต้องบอกว่าน่าเป็นห่วงเพราะไม่ค่อยมีคนรุ่นใหม่ๆ อย่างอายากะสนใจในอาชีพเกษตรกรรมนัก ทำให้เกษตรกรของญี่ปุ่น ณ ตอนนี้มีอายุเฉลี่ยที่สูงมาก ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรฯ ของญี่ปุ่นเมื่อปี 2017 ระบุว่า เกษตรกรญี่ปุ่นจำนวน 1.8 ล้านคน มีอายุเฉลี่ย 66.7 ปี และในบรรดาคน 55,700 คนที่หันมาทำอาชีพการเกษตรในปีนั้น ก็เป็นผู้หญิงที่มีอายุ 44 ปีลงมาจำนวน 4,600 คน ดังนั้นเคสอย่างอายากะจึงเป็นอะไรที่ถือว่าหายาก

อายกะมองว่า ถ้าคุณทำอาชีพการเกษตร ไม่ว่าจะปลูกกะหล่ำปลีหรืออะไรก็ตาม หากทำโดยไม่มีการวางแผนและขายผลผลิตโดยที่ไม่รู้ว่าปลายทางของมันอยู่ไหน ฟังดูเหมือนไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วคุณก็อาจจะลงเองด้วยกำไรที่ลดลง และดำเนินธุรกิจไปแบบย่ำแย่ ซึ่งนั่นทำให้ลูกๆ หลานๆ คุณรุ่นใหม่ไม่อยากที่จะเข้ามาสานต่อ

เธออยากให้หลายๆ คนรู้ถึงศักยภาพของอาชีพการเกษตร ทุกวันนี้อายากะจึงไปสอนพิเศษตามมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของเธอในฐานะผู้ประกอบการและเกษตรกรรุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่ต้น ในปีแรกที่ปลูกนั้น ปรากฏว่าไม่มีกุหลาบบานสักดอก เธอจึงไปขอความช่วยเหลือจากวิทยาลัยการเกษตรเพื่อเรียนรู้เรื่องเทคนิคการปลูกกุหลาบใหม่อีกครั้ง และหลังจากนั้นกุหลาบของเธอไม่ใช่แค่บานเต็มพุ่ม แต่ยังให้ผลผลิตเหลือเฟือเกินความต้องการด้วยซ้ำ จนต้องหาทางนำไปแปรรูป

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกุหลาบของอายากะไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน ชา สบู่ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงาม ปัจจุบันเป็นตัวสร้างรายได้ให้บริษัทของเธอถึงประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ รายได้ของเธอในปีแรกนั้นอยู่ที่ 1.5 ล้านเยน หรือประมาณ 4.4 แสนบาท และเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีที่ 3 เป็น 100 ล้านเยนหรือประมาณ 29.4 ล้านบาท

อายากะบอกว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของธุรกิจของเธอเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เธอกำลังมองไปที่ตลาดต่างประเทศเธอบอกว่าสินค้าของเธอได้รับความสนใจจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ไทย ไต้หวัน และอื่นๆ

จากหญิงสาวที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอกำลังเดินด้วยสองขาของตัวเองและไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องในปัจจุบันเท่านั้น แต่เธอยังมองหนทางไปสู่อนาคตด้วย


ที่มา: japantimes.co.jp

ภาพจาก: roselabo.com, Instagram: ayakatanaka.roselabo, Facebook: roselabo.japan