พี สะเดิด

พี สะเดิ​ด​ แจ้งความ! ถูกล่าวหาใช้ศาสนา​บังหน้า​หารายได้

นายพีรพัฒน์ สวัสดิ์มูล หรือ พี สะเดิด พร้อมทนายความ  นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน  กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.  จากกรณีมีบุคคลไม่หวังดีโพสต์ข้อความกล่าวหาในสื่อโซเชียลว่า  จัดทัวร์คอนเสิร์ตในต่างประเทศ โดยใช้ชื่อ “โครงการสืบทอดศาสนาสืบสานวัฒนธรรมเพื่อนำเงินไปสร้างวัดไทย และบำรุงศาสนาพุทธในต่างแดน” แต่ความจริงคือการใช้ชื่อโครงการเพื่อบังหน้าหารายได้ให้ตัวเอง โดยเรียกเงินจากวัดเป็นจำนวน…

Home / NEWS / พี สะเดิ​ด​ แจ้งความ! ถูกล่าวหาใช้ศาสนา​บังหน้า​หารายได้

ประเด็นน่าสนใจ

  • พี สะเดิด พร้อมทนายความเข้าแจ้งความ หลังมีคนโพสต์กล่าวหาว่า ใช้ศาสนา​บังหน้า​ หารายได้เข้าตัวเอง
  • พีแจง “โครงการสืบทอดศาสนาสืบสานวัฒนธรรมเพื่อนำเงินไปสร้างวัดไทย และบำรุงศาสนาพุทธในต่างแดน” มีอยู่จริงไม่ได้หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
  • การกระทำของผู้โพสต์ทำให้เสียชื่อเสียง มีผลกระทบต่ออาชีพ จำเป็นต้องแจ้งความ

นายพีรพัฒน์ สวัสดิ์มูล หรือ พี สะเดิด พร้อมทนายความ  นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน  กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. 

จากกรณีมีบุคคลไม่หวังดีโพสต์ข้อความกล่าวหาในสื่อโซเชียลว่า  จัดทัวร์คอนเสิร์ตในต่างประเทศ โดยใช้ชื่อ “โครงการสืบทอดศาสนาสืบสานวัฒนธรรมเพื่อนำเงินไปสร้างวัดไทย และบำรุงศาสนาพุทธในต่างแดน”

แต่ความจริงคือการใช้ชื่อโครงการเพื่อบังหน้าหารายได้ให้ตัวเอง โดยเรียกเงินจากวัดเป็นจำนวน 6,000 ยูโร

นายพีรพัฒน์ กล่าวยืนยันว่า โครงการดังกล่าว มีอยู่จริง และได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา ประมาณ 7 ปี แล้ว โดยเริ่มจากการชักชวนของพระที่อยู่ในต่างประเทศ ให้ตนเองไปจัดงานคอนเสิร์ตหาเงินไปบูรณะวัดไทยในต่างแดน

โดยตนเองจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการอำนวยความสะดวกให้กับทีมงาน ในการเดินทางไปต่างประเทศ รวมที่พัก วัดละ 250,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินค่าตัวของตนเองอย่างแน่นอน ส่วนทางวัดจะได้เงินจากการที่ตนเองไปแสดงคอนเสิร์ตเท่าไหร่นั้น

ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียด เพราะทางวัดจะเป็นผู้ดำเนินการกับเงินทั้งหมด ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าเงินเข้าบัญชีวัดโดยตรงหรือไม่ นอกจากนี้ หากวัดใดที่เดือดร้อน หรือต้องการความช่วยเหลือ ตนเองก็จะไม่รับเงินจากการแสดงคอนเสิร์ต

ทั้งนี้บุคคลที่กล่าวหาว่า ตนเองฉ้อโกงนั้นเป็นพ่อค้าซึ่งขายของอยู่ในโรงทานที่วัดในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งตนเองเคยไปแสดงคอนเสิร์ต ภายในวัดดังกล่าว 

เบื้องต้นเชื่อว่า พ่อค้ารายนี้น่าจะไปรับฟังข้อมูลที่บิดเบือน จึงนำมาเผยแพร่โดยไม่ทราบความจริง แต่ว่าการกระทำดังกล่าว ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง มีผลกระทบต่ออาชีพ เพราะคนที่ไม่รู้ความจริงก็อาจจะเข้าใจผิดไปในวงกว้าง อีกทั้งยังเป็นการบั่นทอนกำลังใจของตนเองและจิตอาสาที่มาร่วมโครงการคนอื่น ๆ