นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมมาตรการรองรับแก้ไขปัญหามลพิษว่า ที่ประชุมได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน จากปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5)
โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้มีมาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาภายใน 2 วัน ประกอบด้วย รถโดยสาร ขสมก. ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล จำนวน 2,075 คัน ที่มีปัญหาควันดำและไอเสีย ซึ่งได้มอบหมายขสมก. ดำเนินการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถทุกคัน , มอบกรมการขนส่งทางบก จัดทีมตรวจสภาพรถและควันดำ หากพบให้หยุดวิ่งทันที และ ภายในเดือนมกราคม-กุมภาพันธุ์ ขสมก. จะเปลี่ยนไปใช้น้ำมันดีเซล B20 ซึ่งจะลดผลกระทบการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 15% ลด ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ 33% ไฮโดรคาร์บอน 21% ลดฝุ่นละอองได้ 3.7% เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลเดิม
ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคม สั่งให้หน่วยงานที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าในพื้นที่ กทม. ที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก พิจารณาให้หยุดกิจกรรมการก่อสร้างในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วงเช้า-เย็น เพื่อลดฝุ่นและเป็นการระบายการจราจร เช่น ในพื้นที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีส้ม และสายสีชมพู รวมถึงรถบรรทุกที่วิ่งเขาออกโครงการก่อสร้างจะต้องทำความสะอาดล้อรถ ขณะที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ให้จัดหารถฉีดพ่นน้ำ ลดฝุ่นละอองบริเวณพื้นที่ก่อสร้างจัดจราจรให้รถวิ่งผ่านด่านเร็วขึ้น
ด้าน นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่าเบื้องต้นได้มีการทำหนังสือถือผู้รับเหมาตั้งแต่วันที่ 16-22 ม.ค.นี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีสภาพความกดอากาศต่ำ ยืนยันไม่ได้ให้หยุดการก่อสร้างเพราะจะกระทำผิดสัญญาโครงการ และเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการก่อสร้างโครงการ ส่วนจะมีการขยายเวลาออกไปหรือไม่ต้องรอประเมินผลอีกครั้ง