บนเส้นทางที่รู้แล้วว่าชอบ ก็ต้องทำต่อให้สุด เพราะหลังจากคว้าแชมป์ที่เวที The Masetro Barista Challenge 2018 เกรียง – เกรียงไกร โนนทะขันธ์ ก็เตรียมตัวไปแข่งขันเป็น บาริสต้า อายุน้อยที่สุด บนเวทีระดับโลกต่อทันที ในรายการ The Espresso Italiano Champion 2018 ฐานะตัวแทนประเทศไทย ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
เริ่มต้นในมิลาน
ในวันแรกๆ ก็เที่ยวชมเมืองเสียส่วนใหญ่ แต่อากาศช่วงที่ไปแข่งนั้นหนาวมากๆ ทุกเช้าเลยต้องแบ่งเวลามาออกกำลังกายบ้าง ไม่อย่างนั้นถ้าป่วยแล้วจะส่งผลต่อลิ้น ทำให้การชิมรสชาติกาแฟของเราจะเพี้ยนไป ถึงตอนแข่งมีปัญหาแน่นอน แต่ตอนอยู่ที่มิลานไม่ได้ซ้อมเลย เพราะไม่มีเครื่องซ้อม ซึ่งผู้แข่งขันคนอื่นก็คิดว่าน่าจะไม่ได้ซ้อมเหมือนกัน เพราะเราจะไม่รู้เลยว่าต้องใช้เครื่องยี่ห้ออะไร รุ่นอะไรที่ใช้แข่ง
พบเจอผู้เข้าแข่งขันจากหลายประเทศ
ภาพที่คิดไว้ก่อนไปคือ เวทีนี้จะต้องการแข่งขันที่ดุเดือดน่าดู แต่พอถึงวันจริงรู้สึกซอฟท์ลงกว่าที่คิดไว้มาก กลายเป็นมีความสุขมากกว่า เพราะทุกคนต่างก็เป็นคนที่รักกาแฟเหมือนกับเรา แม้ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ แต่พอเริ่มเข้าไปคุยก็เข้าใจกันได้ เพราะคุยกันด้วยศัพท์กาแฟ แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเป็นมิตรกับผมมาก ถึงแม้ผมจะเป็น บาริสต้า อายุน้อยที่สุด ในการแข่งนี้ เขายอมรับและให้เกียรติในฐานะผู้แข่งขัน จากชาติไทย ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ฝ่าฟันมาถึงตรงนี้
บรรยากาศของ Espresso Italiano Champion 2018
ผู้แข่งขันทั้งหมด 14 คน เป็นที่สุดของบาริสต้าแต่ละประเทศมาเจอกัน ไม่รู้เลยว่าแต่ละคนมีโปรไฟล์อย่างไร และแต่ละประเทศก็มีเทคนิคการทำกาแฟที่ต่างกัน โดยการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 3 วัน จะเก็บคะแนนในวันแรกจะ 7 คน และวันที่สองอีก 7 คน แล้วเอาคะแนนที่เยอะที่สุด 4 คน มาแข่งต่อในวันสุดท้าย ซึ่งจะประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบทีละคน พอกรรมการประกาศชื่อ ผมได้เป็นผ่านเป็นคนแรกและต้องแข่งเดี๋ยวนั้นเลย โดยกติกาเหมือนแข่งที่ไทย คือ ภายใน 11 นาที ต้องเสิร์ฟเอสเพรสโซ่ 4 แก้ว และคาปูชิโน่ 4 แก้ว
ความพร้อมในการแข่งขัน
ก่อนบินมาแข่งที่มิลานก็เตรียมตัวมาอย่างดี ด้วยการเพิ่มเทคนิคให้เยอะขึ้น เพราะผมรู้ตัวเองว่าอ่อนในเรื่อง Sensory หรือการชิม ที่ยังไม่ค่อยแม่นเท่าไร ทำให้ต้องฝึกฝนเรื่องการชิมเยอะขึ้นมากหลายเท่าเลย จากที่เคยชิมวันละ 10 แก้ว ก็เพิ่มเป็นวันละ 60 แก้ว พอขึ้นเวทีจะตั้งสมาธิ เรียงลำดับในหัวก่อนว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง อะไรที่สำคัญ อะไรที่ไม่ควรพลาด ทำครั้งเดียวให้จบ จากนั้นก็เริ่มทำตามให้ตรงตามสเตปต์ที่ตั้งเอาไว้
ส่วนที่ประทับใจ
เหมือนเป็นเรื่องไม่คาดฝัน เริ่มตั้งแต่ที่ได้เข้าแข่งขันที่ไทยเป็นครั้งแรกแล้วผมชนะเลย พอได้ไปแข่งต่อที่มิลานแล้วยังได้รางวัลรองชนะเลิศ เหมือนเป็นประสบการณ์ชีวิตราคาแพงสำหรับวัยรุ่นอายุ 20 ที่ได้ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ ครั้งหนึ่งได้ติดธงชาติไทยไปแข่ง ถึงแม้ไม่ได้รางวัลชนะเลิศ แต่ก็ดีใจมากที่ได้ทำเต็มที่ เรื่องราวที่ผ่านมาได้สอนให้รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องชนะทุกอย่าง เราได้กลับมาทบทวนตัวเองว่าเราทำได้ดี และอะไรที่ยังพลาดอยู่ นั่นถือเป็นประสบการณ์ที่จะผลักดันให้เราก้าวต่อไป
ความชอบ + ความขยัน = ความสำเร็จ
สูตรความสำเร็จนั้นไม่มี รู้แค่ต้องขยันและอดทน ฝึกให้บ่อย เรียนรู้จุดอ่อนของตัวเองอยู่ตลอด ตรงไหนที่รู้ว่าขาดก็อย่าไปมองข้าม กลับไปฝึกซ้อม แต่ที่สำคัญคือต้องรู้ว่าเราชอบอะไร เพราะถ้าเป็นสิ่งที่ชอบแล้วเราจะอยู่กับสิ่งนั้นได้นานๆ เราต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง ผมลองมาเยอะมาก ก่อนหน้านี้อยากเป็นเชฟก็ไปทำงานร้านอาหาร แต่ทำได้ไม่ถึงเดือนก็ออก ถ้ารู้ว่าไม่ชอบอะไรก็อย่าไปอยู่กับสิ่งนั้นนานๆ วันๆ เอาแต่นั่งมองเวลาว่าเมื่อไรจะหมดวัน ผมก็เลยบอกตัวเองว่าชีวิตนี้เราจะไม่ทำงานแบบนี้อีก จนได้มาเจอกาแฟความรู้สึกก็คือผมจะทำให้สุด นั่นคือความซื่อสัตย์ที่ผมมีให้กับตัวเอง
เบื้องหลังความสำเร็จ
จุดแข็งคือผมมีคนคอยสนับสนุน มีพี่ๆ ที่คอยสอนอยู่ตลอด และต้องขอบคุณ CP ALL ที่มอบทุนการศึกษาให้ผม รวมทั้งสถานที่ฝึกงาน สถานที่ทำงาน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราขาดประสบการณ์ ขาดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการฝึกฝน ถ้า ซีพี ออลล์ ไม่มีทุนการศึกษาและระบบการเรียนแบบนี้ ผมก็ต้องแบ่งเวลาไปหาเงินมาเป็นค่าเรียน ก็จะไม่มีเวลามาซ้อมแบบนี้ เมื่อ ซีพี ออลล์ มอบทุนมอบโอกาสให้เราเต็มที่ เราก็สามารถทำสิ่งที่เราชอบได้อย่างเต็มที่
แม้ตอนนี้ผมจะเป็น บาริสต้า อายุน้อยที่สุด บนเวทีระดับโลก แต่ผมก็ตอบไม่ได้ว่าอาชีพบาริสต้าจะอยู่กับผมไปจนตายหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมก็ยังสนุกในสิ่งที่ชอบอยู่ ถ้าเมื่อไรได้ไปเจอสิ่งที่สนุกมาขึ้น ก็คงจะลองทำดู แต่ยังไงคงต้องมีกาแฟมาเกี่ยวอย่างแน่นอน