ใจสั่น แน่นหน้าอก จุกแน่นจนหายใจไม่ออก จากภาวะโรคหัวใจ เป็นอาการที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้จากภายนอก และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดหรือเป็นบ่อยแค่ไหน หลายครั้งที่เมื่อเดินทางไปพบแพทย์ มักไม่แสดงอาการ ทำให้ยากต่อการวินิจฉัยว่าสาเหตุของอาการดังกล่าวเกิดจากอะไร มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจชนิดไหน จึงกล่าวได้ว่า โรคหัวใจ คือ ภัยเงียบที่น่ากลัวและไม่ควรมองข้าม
โรคหัวใจ เป็นสาเหตุการเสียชีวิต อันดับต้น ๆ ของคนไทย
นายแพทย์ธัญญ์ สุวัฒนวิโรจน์ แพทย์ประจำศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง กล่าวว่า โรคหัวใจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจมีเพิ่มมากขึ้น
จากข้อมูลทางสถิติกระทรวงสาธารณสุข (2561) พบว่า คนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดจำนวน 432,943 คน มีอัตราการเสียชีวิต 20,855 คนต่อปี หรือชั่วโมงละ 2 คน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
สาเหตุ การเกิดโรคหัวใจ
สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจมาจากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของกรรมพันธุ์ เพศ อายุที่มากขึ้น หรือแม้แต่การใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง ทำงานหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ เครียดสะสม การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ ทั้งนี้ สามารถแบ่งชนิดของโรคหัวใจได้ 6 ประเภท คือ
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคลิ้นหัวใจพิการ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคเยื่อหุ้มหัวใจ
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- โรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและมีผลต่อหัวใจ เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตสูง
8 อาการแสดง โรคหัวใจ
อาการแสดงและแนวทางในการรักษาโรคหัวใจแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็มีวิธีสังเกตสัญญาณเตือนว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้ คือ
- เหนื่อยง่าย
- หายใจลำบากเวลาออกกําลังกายหรือเดินเร็วๆ
- เจ็บหน้าอกหรือแน่นบริเวณกลางหน้าอก
- ไม่สามารถนอนราบได้เหมือนปกติ เพราะจะรู้สึกเหนื่อยและอึดอัด
- มีอาการหอบจนต้องตื่นขึ้นมานั่งกลางดึก
- เป็นลมหมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ขาหรือเท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ ปลายมือ ปลายเท้า
- ริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ
ในประเทศไทยมีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วย “โรคหลอดเลือดหัวใจ” มากที่สุด
นายแพทย์ธัญญ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเทศไทยมีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วย “โรคหลอดเลือดหัวใจ” มากที่สุด เทคโนโลยีสำคัญที่จำเป็นต่อการช่วยลดอัตราการสูญเสีย คือ เทคโนโลยีห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด (Cardiac Catheterization Lab) หรือ เรียกสั้นๆ ว่า Cath Lab ซึ่งเป็นห้องเอกซเรย์ชนิดพิเศษที่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการประมวลภาพหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดตามส่วนอื่น ๆ สามารถปรับหมุนได้รอบทิศทาง ทำให้แพทย์ดูภาพได้จากทุกมุมตามต้องการ สามารถตรวจดูซ้ำได้อย่างละเอียด ช่วยให้ง่ายต่อการวินิจฉัยโรค ว่ามีความรุนแรงอยู่ที่ระดับใด สามารถตรวจดูตำแหน่งผิดปกติและความรุนแรงของหลอดเลือดหัวใจตีบตัน นอกจากนี้ยังสามารถดูการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ หากพบความผิดปกติ เส้นเลือดหัวใจตีบอุดตัน แพทย์จะสามารถทำการรักษาได้โดยการใส่บอลลูนขยาย และ/หรือใส่ขดลวดถ่างขยาย (Stent) ได้ทันท่วงที
“โรคหัวใจ” เป็นโรคที่สามารถป้องกันและลดการเกิดการสูญเสียได้
อย่างไรก็ดี “โรคหัวใจ” เป็นโรคที่สามารถป้องกันและลดการเกิดการสูญเสียได้ ซึ่งวิธีการป้องกันก่อนการเกิดโรคเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ พยายามรักษาโรคความดันโลหิต การรักษาโรคเบาหวาน ไขมัน หลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมให้เป็นโรคหัวใจได้มากขึ้น รวมทั้งควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคด้วยการหมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ งดการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เป็นต้น
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thonburibamrungmuang.com