เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ หนึ่งในผู้เข้าประกวด Miss Universe Thailand 2020 ที่หลายคนจับตามองเพราะนอกจากบุคลิกที่ดูเป็นผู้หญิงยุคใหม่มีความมั่นใจ และการตอบคำถามของเธอในแต่ละคำถามล้วนมีทัศนคติที่แฟน ๆ นางงาม หลายเสียงบอกว่า เธอเป็นคนที่มีตอบคำถามฉะฉานและมีทัศนคติที่ดี วันนี้เราจะมารวบรวมทัศนคติในการตอบคำถามของเธอให้ได้อ่านกัน
“เฌอเอม ชญาธนุส” กับทัศนคติในการตอบคำถาม
เฌอเอม แนะนำตัวเองในรอบออดิชั่น – ความบกพร่องในชีวิตของเรา ไม่ใช่สิ่งกีดขวางต่อความฝัน
เฌอเอม แนะนำตัวว่า “เอมเป็นผู้เข้าประกวดเพียงหนึ่งเดียวที่พูดไม่ชัด เพราะมีปัญหาเรื่องรูปปากที่ผิดปกติแต่กำเนิด และยังเคยประสบอุบัติเหตุทำให้เสียฟันหน้าไปอย่างถาวร แต่เอมคิดว่าความบกพร่องในชีวิตของเรา มันไม่ใช่สิ่งกีดขวางต่อความฝัน และวันนี้เอมมีสิทธิที่จะพูด เพราะเอมอยากบอกทุกคนว่า แม้เราจะเกิดมาด้วยข้อจำกัด แต่มันไม่ใช่ข้อจำกัดในความสามารถของเรา”
การมีคู่ครองคนเดียว / การมีคู่ครองหลายคน
เฌอเอม ให้ความคิดเห็นว่า : “ในประเทศไทยเราเป็น Monogamy คือมีคู่ครองคนเดียว ซึ่งยังมีหลายศาสนาที่มีคู่ครองหลายคน การมีคู่ครองกี่คนก็ตาม มันเป็นพื้นฐานของการให้เกียรติและคุณโอเคกับคู่ของคุณหรือเปล่า? ถ้าคุณไม่มีทัศนคติอย่างเดียวกันในการใช้ชีวิตคู่ การให้เกียรติที่สำคัญ การให้เวลากับคนคนนึงหรืออาจจะคนหลายคน ถ้าคุณยังแบ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เอมก็คิดว่า คุณต้องคิดเอาเองว่าผิดหรือถูก เพราะฉะนั้นการมีคู่ครองคนเดียวก็ดีนะคะ แต่ถ้าสมมติว่าถ้าคุณอยู่ในศาสนาที่มีหลายคนเอมก็ขอไม่พูดอะไรเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ใจของคุณเองว่าคุณยึดถืออะไร”
ประชาธิปไตย ต้องไม่มีคำว่ากลัว ไม่ว่ากับอะไรก็ตาม
เฌอเอม มองว่า : ประชาธิปไตยมันคือการรักษาเสียง เพราะฉะนั้นรักษาเสียงในสภา รักษาเสียงบนถนนไมได้แตกต่างกัน คนที่อยู่ในสภาคือคนบนถนนเลือกเข้าไป คือเราไม่มีเวลามานั่งพูดกันสุดท้ายเราต้องมีผู้แทน สมมติถ้าเปิดปัญหาในสภา ในถนนก็สามารถรีแอคอย่างเดียวกันได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเปรียบเทียบกันเพราะมันคือเรื่องเดียวกัน
แล้วนักการเมืองที่เราเลือก นโยบายเขาแทนความต้องการของเรามันสะท้อนกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ไหม เขานิ่งเฉยหรือเปล่ากับปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าเขาไม่นิ่งเฉยแสดงว่าประชาธิปไตยมันยังมีอยู่ แล้วมันยังทรงเกียรติ
เพราะประชาธิปไตยไมได้ทรงคุณค่าที่นักการเมือง มันทรงคุณค่าที่ประชาชนให้กับมัน ทรงคุณค่าในสิ่งที่เรายึดถือและเรากล้าแสดงออก ถ้าเรายึดถือแต่เรานิ่งเงียบ นั่นหมายความว่าเรากลัว ในคำว่าประชาธิปไตยต้องไม่มีคำว่ากลัว ไม่ว่ากับอะไรก็ตาม เพราะเมื่อไรที่คุณกลัวแปลว่ามันมีอำนาจที่อยู่เหนือคุณ ถ้าทุกคนไม่ได้เท่ากัน นั่นก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย
มุมมองเรื่อง เผด็จการ
ในมุมของเอม : มันคือการที่ยึกถืออำนาจไว้ในคน ๆ เดียว อย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเบ็ดเสร็จ ไหม ไม่รู้เนอะ (ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าไม่รู้) เพราะว่าสิ่งที่เราเห็นทั้งหมดมันไม่ใช่หมากทั้งหมดบนกระดาน เราไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วประเทศเรากำลังเคลื่อนไปทางไหน ในเกมอำนาจ ในการขับเคลื่อนของความศรัทธาของพลังเสียงประชาชน สังคมเรากำลังก้าวไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นหากคุณรู้สึกว่าเผด็จการไม่ใช่แค่ที่คุณบอกว่าในสภานะคะ แต่ถ้าคุณมีครอบครัว สถาบันการศึกษา ที่ทำงาน คุณก็ต้องลองลุกมาพูดมาค่ะ ถ้าคุณแย้งได้เมื่อไหร่ คุณไม่ได้อยู่ในระบบเผด็จการ ถ้าแย้งไม่ได้ก็รู้กันเนอะ
หากคุณตั้งใจจะลงคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส. คนหนึ่ง แต่ภายหลังทราบว่า ผู้สมัครรายนี้นอกใจคนรัก ตนจะยังลงคะแนนให้ผู้สมัครรายนี้หรือไม่
เฌอเอม ตอบว่า “ตนคงต้องเปลี่ยนใจ เพราะมองว่า ผู้สมัครคนนี้ซื่อสัตย์กับคนรักของตัวเอง ทั้งที่เป็นคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของชีวิตไม่ได้ แล้วจะซื่อสัตย์ต่อประชาชนจำนวนมากที่จะต้องรับผิดชอบได้อย่างไร ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์กับเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่สำคัญกับเรามากที่สุดในชีวิต มันยากที่เราจะซื่อสัตย์กับคนที่เราจำเป็นต้องรับใช้ค่ะ และหัวใจของนักการเมืองคือการรับใช้ประชาชนค่ะ นั่นคือเกียรติภูมิของการเป็นนักการเมืองค่ะ”
มุมมองต่อการเคลื่อนไหว “Black Lives Matter” คนผิวสี
เฌอเอม มีมุมมองว่า : ทั้งในสหรัฐและหลายประเทศเป็นการขับเคลื่อนทางสังคมที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะนอกจากทำให้สังคมตระหนักถึงเลือกปฏิบัติและโอกาสที่คนทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมโดยไม่คำนึงถึงผิวสีแล้ว หากการเคลื่อนไหวนี้ประสบความสำเร็จ ก็เชื่อว่ากลุ่มชาติพันธุ์อื่น ก็จะได้รับโอกาสที่เท่าเทียมเช่นกัน
การเลือกปฏิบัติต่อคนเอเชียในทวีปยุโรปและอเมริกา ในยุคที่โควิด-19) ระบาด
เฌอเอม กล่าวว่า : มีประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง เคยถูกต่อยในช่วงที่เดินแบบที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เพียงเพราะตนเป็นคนเอเชีย แต่สุดท้ายแล้วคนทุกเชื้อชาติก็ติดโควิด-19 เหมือนกัน ดังนั้นทุกคนควรเข้าใจว่าชาติพันธุ์ไม่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบในการแพร่ระบาด
แง่คิดเรื่อง โอกาส
เฌอเอม กล่าวว่า : โอกาสคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่ได้ทำอะไรให้สำเร็จ แต่ทุกวันนี้ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้รับโอกาส นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมกันแบ่งปัน
คาดหวังอะไรกับการประกวดในครั้งนี้
ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก “เอมคาดหวังมากกว่าก็คิอ การที่เราสามารถทำได้อย่างเต็มที่ เราชนะเป้าประสงค์ของเราที่กระโดดออกจากเซฟโซน มาทำสิ่งที่เราไม่เคยทำ ที่สำคัญเลยคือการชนะอะไรไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง คนที่ดูถูกเรา เงินทอง รางวัล มันไม่ได้สำคัญเท่ากับว่าตัวเราชนะตัวเราเองในอดีต หรือชนะความกลัว สิ่งที่มันเหนี่ยวรั้งเราเอาไว้ ของตัวเองในเมื่อวาน หรือชนะอะไรก็ตามที่เหนี่ยวรั้งเราเอาไว้”
สิ่งที่ส่งต่อได้ถึงคนปีหน้าที่อยากฝากไว้
เอมเชื่อว่า : เอมได้ประสบความสำเร็จไปแล้วตั้งแต่วัน ออดิชั่น เพราะว่าสุดท้ายแล้วมงกุฎที่คุณสวม มงกุฎที่เป็นของจริง มันก็อาจจะอยู่กับคุณชั่วขณะหนึ่งแม้ตำแหน่งจะอยู่กับคุณตลอดไป แต่สิ่งที่ส่งต่อได้ถึงคนปีหน้าที่อยากฝากไว้ ถ้าคุณเชื่อในสิ่งเดียวกัน แล้วคุณมา แล้วคนเปิดทางให้คุณ มันคือความสำเร็จของเอมในปีนี้ เพราะทุกการเปลี่ยนแปลงอาจไม่ได้เกิดขึ้นในปีเดียว มันต้องมีคนเริ่มและมีคนเจ็บ ถ้าปีนี้หนูเจ็บขอให้คนปีหน้าไม่ต้องเจ็บเท่าหนู