บทสัมภาษณ์สุด Exclusive ของ พี่พีท ทองเจือ และ พี่เจ็ง วิไลลักษณ์ คุณพ่อคุณแม่ ผู้มีส่วนส่งเสริมผลักดันให้น้อง มิย่า ทองเจือ ได้เข้าสู่เส้นทางการเป็นทีนไอดอลหน้าใหม่ของวงการ กับเรื่องราวที่เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเปิด ค่ายเพลง Lil Brat Records และมุมมองของการเลี้ยงลูก ในสไตล์ครอบครัว ทองเจือ
1. จุดเริ่มต้นของการเปิดค่ายเพลงให้น้อง มิย่า ทองเจือ
พี่พีท : จริงๆตอนแรก เราก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะทำค่ายเพลง จุดเริ่มต้น แรกเริ่มก็คือเราตั้งใจที่จะสร้างทีนไอดอลมากกว่า แต่พอได้เริ่มคุยงานหรือแพทฟอร์มเพลงต่างๆแล้วได้รับการยอมรับที่ดี ก็เลยตัดสินใจปรับเปลี่ยนสถานะมาเป็นการเปิดค่ายเพลงเอง
2. ทำไมถึงเลือกเปิดค่ายเพลงให้น้องเอง
พี่เจ็ง : อย่างที่เห็นว่า ในสมัยนี้มีศิลปินหน้าใหม่เยอะแยะมากมาย ที่มีความสามารถทำเพลงเอง แล้วก็อัพลงในช่องยูทูปของตัวเอง คือเดี๋ยวนี้มันไม่ได้จำกัดแล้วว่า การเป็นศิลปินจะต้องอยู่ค่ายใหญ่ๆ เท่านั้น เดี๋ยวนี้มันอิสระและมีความเปิดกว้างมากขึ้น แล้วก็ประเด็นสำคัญ เรามองว่าการที่เราทำเพลงให้น้องเอง ข้อดีก็คือ เราสามารถให้น้องได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด บางที่การอยู่ค่ายไม่ใช่ไม่ดีนะคะ มันก็ดีในเรื่องของการโปรโมท ในเรื่องของการทำงานมันดีอยู่แล้ว แต่ว่าเราแค่อยากจะให้น้องผลิตผลงาน ให้ออกมาเป็นตัวของน้องเองให้ได้มากที่สุด
เพราะจริงๆน้องก็ออดิชั่นผ่านแล้วทั้งค่ายในไทย ถึงขั้นว่าเค้าเรียกไปเซ็นต์สัญญา แต่ว่าเราก็คิดแล้วคิดอีกหลายรอบ มันทำให้เราเห็นว่าการให้ลูกได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวเองมันดีกว่า ก็เลยเป็นเหตุผลในการตัดสินใจ ที่จะทำค่ายให้น้องเอง
ใช่เวลานานมั้ย กว่าจะได้ออกมาเป็นผลงานเพลงซิงเกิ้ลแรก
พี่พีท : ตั้งแต่เริ่มโปรเจค ช่วงโปรดักชั่น จนถึงวันปล่อยซิงเกิ้ลเพลง รวมๆ ก็ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ก็มีลองผิดลองถูกกันไป
พี่เจ็ง : และซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยมานี้ ถือว่าเป็นตัวน้องเองมากที่สุด เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็มีอีกหลายเพลงที่น่าสนใจ แล้วเราก็คิดว่ามันน่ารักดีแล้ว แต่น้องก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่สไตล์ที่เขาเป็น และสุดท้ายก็ได้ตัดสินใจเลือกเพลง “MiNi HEART” มินิฮาร์ท เพลงแอบรัก น่ารักๆ สดใส นี้เป็นซิงเกิ้ลเปิดตัวต้อนรับช่วงวาเลนส์ไทม์ที่ผ่านมา
3. พูดถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกๆทั้ง 3
พี่พีท : ก็ให้เขาใช้ชีวิตอย่างที่เด็กควรจะเป็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องพยายามมองหาสิ่งที่เขาชอบและสนใจ สิ่งที่ทำออกมาด้วยความเป็นธรรมชาตืในตัวเขา เราก็จะเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่าเด็กๆแต่ละคนชอบอะไร แต่สุดท้ายแล้วคนเป็นพ่อแม่ จะต้องเป็นคนที่ผลักดันส่งเสริม มีหน้าที่ ที่จะดึงความสามารถที่อยู่ในตัวเด็กๆแต่ละคน ออกมาเป็นจุดเด่นได้อย่างไร
4. พูดถึงความโดดเด่น ของลูกๆ แต่ละคน
พี่คนโต เซย่า : จะเป็นสายร้อง สกิลสูง สาย diva คือสายร้อง มีชั้นเชิงในการร้อง มีพลังเสียง เป็นเอกลักษณ์
ลูกสาวคนกลาง มิย่า : เป็นแนวแบบ ร้องได้ เต้นได้ แสดงได้ เป็นแนวแบบทีนไอดอล
น้องโรเตอร์ ลูกชายคนสุดท้อง : น้องชอบความเร็วมาตั้งแต่เด็ก จะเป็นแนวนักแข่งรถแบบคุณพ่อ ซึ่งน้องแต่ละคน ก็คือเขาจะมีสิ่งที่เราเห็นตั้งแต่เด็กแล้ว ว่าเขาชอบทางไหน เราก็เลยสนับสนุนลูกๆไปได้อย่างถูกทาง
5. มองอนาคตน้องมีย่าไว้ยังไงบ้าง?
พี่พีท : จริงๆแล้ว อนาคตน้องมิย่าเค้าต้องเป็นคนเลือกเอง แต่สิ่งที่เราทำได้ ก็คือ เวลา 9 ปี ที่ผ่านมา ทั้งเรียนทั้งฝึกซ้อม ต่างๆนาๆ ณ. วันนี้คือวันที่เราพาเขาพร้อมกับผลงาน เดินทางเข้ามาสู่ประตูแล้ว ที่เหลือมันต้องถึงเวลาที่เขาจะก้าวเดินต่อไป ก็ต้องปล่อยให้เขาไปเก็บชั่วโมงบิน สะสมประสบการณ์ ลองผิดลองถูก และคิดว่าตัวเองอยากทำอะไรต่อไป อยากร้องเพลงสไตล์ไหน หรือสุดท้ายแล้วเค้าอยากจะเป็นแรปเปอร์เต็มตัว อันนี้ก็แล้วแต่เค้า เราก็คงพามาได้ประมาณนี้ แต่สุดท้ายแล้ว น้องพูดเสมอว่า ถ้าอยู่ในระบบการศึกษานี้ ขอบเขตความฝันเป้าหมายที่น้องตามหาก็คือ การเป็น แฟชั่นดีไซเนอร์
พี่เจ็ง : เค้าก็ เหมือนเด็กผู้หญิงที่มีความฝันของตัวเอง เค้าคิดไว้ว่าช่วงที่เรียน ตอนนี้ก็จะเป็นศิลปินไปด้วย แล้วพอเขาเริ่มโตก็อยากจะไปเรียนแฟชั่นดีไซน์ ดีไซน์แฟชั่นเสื้อผ้าของตัวเอง ส่วนความฝันก็คือ น้องเขาอยากจะเดินแบบเอง อยากเดินแบบเสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบเอง อันนี้คือความฝันของเขา
พูดถึงแฟชั่นเสื้อผ้า สไตล์ใน MV และสไตล์น้องมิย่า
เสื้อผ้าเราเลือกกันเอง คือเราจะมีเรฟเฟอเรนซ์ ให้สไตล์ลิสช่วยสานต่อให้มันออกมาเป็นรูปเป็นร่าง แต่ว่าน้องจะเป็นคนเลือกแบบเองในสไตล์ที่เค้าชอบ ว่าชุดนี้โอเค แบบนี้ได้แบบนี้ไม่เอา คุณพ่อคุณแม่ก็เหมือนเป็นกองหนุน ส่งเสริมในสิ่งที่ถูกต้อง ในสิ่งที่น้องอยากทำ
6. น้องเครียดมั้ย พอเริ่มเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย
พี่พีท : จากสบายๆ ก็จะยุ่งขึ้น เรื่องการเรียนกับเรื่องงานก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร
พี่เจ็ง : โชคดีว่า น้องเรียนหลักสูตรอินเตอร์ และการเรียนสมัยนี้มันเป็นออนไลน์ การส่งงาน ส่งการบ้านก็สามารถส่งทาง Google ได้อยู่แล้ว แต่ที่ห่วงก็คงจะเป็นเรื่องการพักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอ
IG : @miya_thongchua