จากข่าวใหญ่ในราชวงศ์อังกฤษ เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน ดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซ็กซ์ ออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาจะขอลดบทบาทการเป็นพระราชวงศ์ระดับสูง เพื่อทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยพระองค์เอง โดยไม่พึ่งพากองทุนของราชสำนัก จนสร้างความไม่พอใจต่อสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และสมาชิกราชวงศ์อังกฤษเป็นอย่างมาก
เรื่องราวดราม่าสุดร้อนของวังหลวงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร Women MThai จะช่วยสรุปและไล่ไทม์ไลน์ ตั้งแต่ความรักสุดโรแมนติกของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ความบาดหมางของสองพี่น้อง เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี่ ไปจนถึงจดพีกที่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ประกาศลดบทบาทในฐานะราชวงศ์ชั้นสูง มาให้ได้เข้าใจกนภายใน 25 ข้อ ตามนี้…
1.เส้นทางรักของ ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ เริ่มต้น “สตาร์ท” จากวันแรกที่ทั้งสองได้มีโอกาสพบกันจากการนัดแนะของ มิชา โนนู นักประชาสัมพันธ์ด้านแฟชั่้น ซึ่งพ่อของเธอมีบรรดาศักดิ์เป็น “ท่านบารอน” และเป็นพระสหายของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระบิดาของเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี่ เป็นคนจัดแจงให้ทั่งคู่ได้มาพบกัน โดยนัดเดทครั้งแรกของเขาก็เกิดขึ้นที่ร้าน “โซโห เฮ้าส์” ในกรุงลอนดอน
2.ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนวันที่ 31 ต.ค. 2559 เรื่องราวความสัมพันธ์ของเจ้าชายแฮร์รี่ กับเมแกน เริ่มปรากฎเป็นข่าวออกสื่อ และในวันที่ 8 พฤศจิกายน เจ้าชายแฮร์รี่ได้ออกแถลงการณ์ถึงความสัมพันธ์เป็นครั้งแรกว่า เมแกน มาร์เคิล คือสาวคนรัก
3.หลังจากคบหาดูใจกันสักพัก ในวันที่ 27 พ.ย. 2560 เจ้าชายแฮร์รี่ กับเมแกน มาร์เคิล ก็ได้ประกาศข่าวหมั้นอย่างเป็นทางการ และยืนถ่ายรูปคู่กันที่สวย Senken Garden ที่พระราชวังเคนซิงตัน ก่อนที่วันที่ 28 พ.ย. 2560 พระราชวังเคนซิงตัน จะออกมาคอนเฟิร์มอีกครั้ง พร้อมประกาศกำหนดวันเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ให้สาธารณชนทั่วโลกทราบ
4.เจ้าชายแฮร์รี่ เสกสมรสกับเมแกน มาร์เคิล ในวันที่ 19 พ.ค.2562 ซึ่งทำให้มาร์เคิลกลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกในรอบ 80 ปี และเป็นสะใภ้ในราชวงศ์คนแรกที่ไม่ใช่ผิวขาวที่แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์อังกฤษ นอกจากนั้น ยังเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วและมีอายุมากกว่าเจ้าชายแฮร์รี่ถึง 3 ปี ซึ่งการเสกสมรสครั้งนี้ได้รับยศเป็น ดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์
5.วันที่ 22 พ.ค. 2561 ดัชเชสเมแกนเสด็จออกงานครั้งแรกหลังพิธีเสกสมรส โดยเป็นงานฉลอง เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมาร แห่งสหราชอาณาจักร และพระบิดาของเจ้าชายแฮร์รี มีพระชนมายุ 70 พรรษา ที่พระราชวังบักกิงแฮม
6.วันที่ 15 ต.ค. 2561 ราชวงศ์อังกฤษ ประกาศ เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเส็กซ์ ตั้งครรภ์ทายาทให้เจ้าชายแฮร์รีแล้ว หลังพิธีเสกสมรส 5 เดือน
7.สื่อเริ่มวิจารณ์เธออย่างหนัก เมื่อดัชเชสเมแกนั่งเครื่องบินส่วนพระองค์จากกรุงลอนดอน ไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อจัดงานเลี้ยง เบบี้ชาวเวอร์ หรืองานฉลองใกล้คลอดองค์รัชทายาท ซึ่งคาดว่าการจัดงานครั้งนี้ใช้เงินเกือบ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 15.5 ล้านบาท
8.พระโอรสอาร์ชี่ ลืมตาดูโลกในวันที่ 6 พ.ค.2562 จากนั้นก็เกิดกระแสวิจารณ์รุนแรงขึ้นอีกครั้ง เพราะเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล เลือกที่จะแหกธรรมเนียมราชวงศ์อังกฤษ ด้วยการตัดสินใจขอความเป็นส่วนตัว ให้การคลอดทายาทองค์แรก นั่นหมายถึงจะไม่มีภาพเมแกนอุ้มโอรสหรือธิดาออกมาให้สื่อถ่ายรูปหน้าโรงพยาบาล ดั่งเช่นที่ดยุกและดัชเชสเคยปฏิบัติ
9.นอกจากนั้น ในพิธีล้างบาปในศาสนาคริสต์ของพระโอรส ตามธรรมเนียมแล้ว ประชาชนจะมีสิทธิได้เป็นสักขีพยานด้วย แต่กรณีของอาร์ชี่ ถูกทำพิธีเป็นการส่วนตัว ไม่อนุญาตให้ประชาชนและผู้สื่อข่าวได้รับรู้ด้วย ซึ่งขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติของราชสำนัก
10.กว่าที่ประชาชนจะเห็นภาพ “อาร์ชี” เต็มตาครั้งแรกก็ต้องรอถึง 2 เดือน จากภาพที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์
11.จากนั้น ดัชเชสมแกน ก็ถูกสื่ออังกฤษโจมตีเรื่อยๆ มิถุนายน 2562 สื่ออังกฤษวิจารณ์เจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน ที่ใช้เงินภาษีจากประชาชนถึง 2.4 ล้านปอนด์ (94 ล้านบาท) เพื่อทำการบูรณะพระตำหนักของตนเอง ในชื่อฟร็อกมอร์ คอตเทจ
12.ต่อจากนั้น มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาว่า เมแกน สั่งปลดพี่เลี้ยงของพระโอรสถึง 3 คนในช่วงเวลาแค่ 1 เดือนเท่านั้น รวมถึงการลาออกของเจ้าหน้าที่ใกล้ชิด ที่ถวายงานให้เมแกนก็ พากันลาออกถี่ๆ จนทำให้เมแกน ได้รับฉายาว่าเป็น “ดัชเชสเรื่องเยอะ”
13.จุดพีคที่สุดที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกนทนไม่ได้ต่อการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่ออังกฤษ คือการที่หนังสือพิมพ์เมล์ ออน ซันเดย์ เอาจดหมายส่วนตัวที่เธอส่งให้คุณพ่อ ออกมาเผยแพร่ในสื่อ โดยในเนื้อหาของจดหมาย เป็นการต่อว่า และตำหนิคุณพ่อของเธอเอง ที่ชอบวิจารณ์ความสัมพันธ์ของเธอกับแฮร์รี่ ตั้งแต่ยังเป็นแฟนกัน
14.นั่นทำให้ในวันที่ 3 ต.ค.2562 เจ้าชายแฮร์รี่ จึงตัดสินใจเด็ดขาดที่จะออกแถลงการณ์ตำหนิ เมล ออน ซันเดย์ ที่เอาชีวิตส่วนตัวของเมแกน มาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน และกล่าวหาสื่อและเหล่าปาปารัซซี่ที่เป็นต้นเหตุทำให้เจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดา เสียชีวิตก่อนเวลาอันควร
15.ขณะที่เมแกน มาร์เคิล ก็เดินเรื่องเพื่อทำการฟ้องร้องหนังสือพิมพ์เมล ออน ซันเดย์ ที่เผยแพร่เรื่องส่วนตัวของเธอต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาต
16.จุดยืนของเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ที่มีต่อสื่อมวลชนอังกฤษนั้นแตกต่างจากเจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสเคสอย่างสิ้นเชิง เจ้าชายแฮร์รี่จะต่อต้านสื่อมวลชนในประเทศ และกล่าวโทษว่าการตามติดของสื่อ คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาต้องเสียแม่และทำให้ภรรยาไม่มีความสุข
ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม จะยอมรับสื่อมวลชนเป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าการอยู่ข้างเดียวกับสื่อ ก็จะสามารถช่วยเผยแพร่ข่าวสารที่ต้องการจะพูดกับสังคมได้อย่างชัดเจน และไม่เห็นประโยชน์ของการที่เจ้าชายแฮร์รี่ ออกมาเปิดหน้าแลกกับสื่อมวลชนแบบนั้น
17.การที่เจ้าชายวิลเลี่ยมไม่ได้เกลียดสื่อมวลชนตามเจ้าชายแฮร์รี่ รวมถึงไม่แสดงอาการปกป้องในฐานะพี่ชาย ทั้งๆ ที่น้องชายโดนแทบลอยด์เล่นงาน ทำให้ทั้งสองคนสร้างช่องว่างในใจขึ้นมา
18.และในวันที่ 21 ต.ค. 2562 สถานีโทรทัศน์ช่อง ITV เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รี่ โดยระบุว่า “เราสองพี่น้อง มีทั้งวันที่ดี และวันที่แย่”
“เรายังเป็นพี่น้องกันเสมอ แต่ขณะนี้เรามีเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน”
19.การให้สัมภาษณ์แม้เพียงแค่นี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจได้ว่า ทั้งเจ้าชายแฮร์รี่ และเจ้าชายวิลเลียม ไม่ได้มีความสนิทกันเหมือนเดิม และส่งผลทำให้ราชวงศ์วินด์เซอร์ถูกตั้งคำถามจากสาธารณชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าชายวิลเลี่ยมโกรธเจ้าชายแฮร์รี่เป็นอย่างมาก ที่เอาเรื่องภายในครอบครัวไปเปิดเผยกับคนทั่วทั้งโลกแบบนั้น
20.หนึ่งในเหตุการณ์ที่เผยให้เห็นความสั่นคลอนของสองพี่น้องที่รุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือการที่ เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน ก็ตัดสินใจเอาตัวออกมาจากมูลนิธิการกุศล “Royal Foundation of Duke and Duchess of Cambridge & Sussex” ที่ดยุกและดัชเชสแห่งอังกฤษทั้ง 4 มีร่วมกันแล้วมาเปิดมูลนิธิการกุศลของตัวเอง
21.เจ้าชายแฮร์รี่ และดัชเชสเมแกน ละเลยธรรมเนียมปฏิบัติโดยไม่เข้าร่วมการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสพร้อมหน้าพระบรมวงศานุวงศ์ ที่พระตำหนักซานดริงแฮม เมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา แต่ตัดสินใจเดินทางไปพักผ่อนช่วงปลายปีที่แคนาดา ยาวนานถึง 6 สัปดาห์ด้วยกัน
22.เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ พร้อมด้วยเจ้าชายแฮร์รี ได้กลับมาปฏิบัติภารกิจในฐานะของสมาชิกราชวงศ์เป็นครั้งแรกในปี 2563 โดยทั้งคู่ได้เข้าเยือน Canada House ณ กรุงลอนดอน เพื่อขอบคุณสำหรับการต้อนรับ และการดูแล ระหว่างที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศแคนาดา เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
23.และวันระเบิดนิวเคลียร์ก็มาถึง ในวันที่ 8 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รี และเมแกน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการผ่านอินสตาแกรมส่วนพระองค์ (sussexroyal) ว่า ต้องการที่จะขอลดบทบาทการเป็นพระราชวงศ์ระดับสูง และตั้งใจที่จะไม่รับเงินจาก The Sovereign Grant อีกต่อไป
แต่จะทรงทำงานด้วยพระองค์เองเพื่อมีอิสระทางการเงิน รวมถึงจะเป็นการลดบทบาทการทำหน้าที่ต่อสาธารณชนลง ซึ่งจะช่วยให้สามารถบริหารเวลาและการใช้ชีวิตระหว่างอังกฤษและอเมริกาเหนือ เพื่อดูแลพระโอรสได้ดีและเหมาะสมยิ่งขึ้น
24.ทันทีที่ดยุกและดัชเชสแถลงเรื่องดังกล่าว ได้สร้างความตื่นตกใจแก่บรรดาพระราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งไม่ได้รับการปรึกษาหารือหรือการแจ้งให้ทราบก่อนแต่อย่างใด และในสื่อบางกระแสถึงขั้นมีข่าวว่า การประกาศของดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซ็กซ์ ได้สร้างความผิดหวังให้แก่สมเด็จพระราชินีนาถ รวมถึงเกิดความไม่พอใจในหมู่พระราชวงศ์เป็นอย่างมาก
25.จากนั้นสำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีดังกล่าวว่า ทางสถาบันเข้าใจถึงความประสงค์ในการมีแนวทางที่แตกต่างของดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซ็กซ์ แต่เรื่องดังกล่าวก็มีความซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการดำเนินการ โดยตอนนี้การหารือกับดยุกและดัสเชสแห่งซัสเซ็กซ์ก็อยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ทั้งนี้ ล่าสุด มีรายงานว่า ดยุกและดัสเชสได้เดินทางกลับไปที่แคนาดาแล้ว
เรียบเรียงโดย Women MThai Team
ที่มาและภาพประกอบ www.dailymail.co.uk