สะท้อนคุณค่าวัฒนธรรมและศิลปะชั้นสูงของเอเชีย
จากความรักในการเดินทางสัมผัสกับวัฒนธรรมทั่วโลกผนวกกับความหลงใหลในงานศิลปะและเอกลักษณ์ในการออกแบบของ มร. รอล์ฟ วอน บูเรน และภรรยา เฮเลน วอน บูเรน สู่การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจิวเวลรี่และของตกแต่งบ้านชื่อก้องโลก สัญชาติไทย ภายใต้แบรนด์ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ (Lotus Arts de Vivre) โดยช่างฝีมือชั้นสูง มาตรฐานระดับสากล และเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 37 ปี ทายาทเจนเนอเรชั่นที่ 2 ศรี วอน บูเรน และ นิกกี้ วอน บูเรน ลูกเสี้ยวไทยแต่หัวใจไทยเต็มร้อย จึงจัดงาน Lotus Arts de Vivre 37th Anniversary (โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ 37 แอนนิเวอร์ซารี) จัดแสดงผลงานแฮนด์เมดมาสเตอร์พีซกว่า 90 ชิ้น สะท้อนคุณค่าวัฒนธรรมและศิลปะชั้นสูงของเอเชีย เพื่อให้ คนรักงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ครอบครองจิวเวลรี่และของตกแต่งบ้านเลอค่า เมื่อวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562 ณ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ บูทีค ชั้น 1 โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
นิกกี้ วอน บูเรน ประธานกรรมการบริหาร แบรนด์ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ เผยว่า “จากการชอบเดินทางเพื่อศึกษาวัฒนธรรมต่างๆ ทั่วโลก และได้ซึมซับรสนิยมด้านงานดีไซน์ของคุณพ่อ-คุณแม่ ทำให้เราเห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนผ่านชิ้นงานจากช่างฝีมือชั้นสูงบวกกับการเสาะหาวัสดุธรรมชาติรูปทรงแปลกและหายาก นำมาผสมผสานกับเทคนิคพิเศษของการทำจิวเวลรี่ จึงเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ผลงานแต่ละชิ้นมีความพิเศษมากขึ้นรวมถึงเราต้องการอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญา งานฝีมือแบบดั้งเดิมของไทยเพื่อเป็นมรดกของชาติต่อไป รวมถึงการรักษาอาชีพช่างฝีมือที่มีทักษะสูงและความปราณีต ซึ่งนับวันยิ่งหาได้ยากขึ้น ดังนั้นหากเราไม่สืบสานต่อ ในที่สุดสิ่งมีค่าเหล่านี้ก็จะสูญหายไป ทั้งนี้ผลงานของแบรนด์มีวางจำหน่าย 18 สาขาใน 8 ประเทศทั่วโลก จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์จิวเวลรี่ ของตกแต่งบ้าน และชิ้นงานศิลปะเลอค่าชั้นนำของเอเชีย ชิ้นงานอันโดดเด่นของเราล้วนอยู่ในการครอบครองของบรรดาบุคคลชั้นสูงและนักสะสมระดับนานาชาติที่มีความหลงใหลงานศิลปะชั้นสูงอันมีเอกลักษณ์ จากจุดเด่นนี่เองจึงทำให้ผลงานของแบรนด์ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ ล้วนเป็นที่ต้องการจากทั่วทุกมุมโลก”
ศรี วอน บูเรน ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์และครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ กล่าวว่า “โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ เป็นแบรนด์จิวเวลรี่และของตกแต่งบ้านที่เน้นดีไซน์ที่เหนือจินตนาการ บอกเล่าเรื่องราว ความเชื่อ วัฒนธรรม ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมและเทพปกรณัมฝั่งเอเชีย การนำวัสดุหายากจากธรรมชาติและเป็นมงคล เช่น เมล็ดพันธุ์พืช, พืชผลเปลือกแข็ง, กะลามะพร้าว, หนังปลากระเบน, ไข่นกกระจอกเทศและนกอีมู, ปีกแมลงทับ ไม้เนื้อแข็งมีค่าและรูปทรงแปลกหายาก, เปลือกหอยต่าง ๆ และไม้ไผ่ชนิดหายากและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาเจียระไน แกะสลัก ประดิษฐ์ใหม่ด้วยเทคนิคเฉพาะจากหลากหลายผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ เช่น เราไปอินเดียเพื่อเจียระไนอัญมณี, อินโดนีเซียเพื่อแกะสลักงานไม้ เข้ามายังประเทศไทยเพื่อสร้างงานเครื่องถม (Niello) ข้ามไปยังญี่ปุ่นสำหรับงานลงรักแนวมากิเอะ (Makie Lacquer) และจีนสำหรับงานลงรักสีแดงชาด (Cinnabar Lacquer) เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 37 ปี จึงได้ครีเอท ผลงานศิลปะแฮนด์เมดมาสเตอร์พีซกว่า 90 ชิ้นมาจัดแสดงพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้รักงานศิลปะได้ครอบครอง”
สำหรับผลงานไฮไลต์ในวันนี้มีจำนวน 20 ชิ้น แบ่งเป็น จิวเวลรี่ จำนวน 10 ชิ้น อาทิ ต่างหูไม้แกะสลัก รูปใบไม้ ประดับลูกปัดจีน ปีกแมลงปีกแข็ง ทอง 18 กะรัต ทัวร์มาลีนสีชมพู เพชรเจียระไน และเพชรเหลี่ยมลูกโลก ประดับบนเงินบริสุทธิ์ ด้านหลังเป็นทองคำ 18 กะรัต, แหวนมูโร แกะสลักจากไม้มะเกลือชิ้นเดียว ประดับด้วยเพชรเหลี่ยมลูกโลกทัวร์มาลีนสีชมพูแกะสลักเจียระไน และมุกทรงหยดน้ำ ประดับบนทองคำ 18 กะรัต เงินชุบโรเดียมสีดำ และเงินบริสุทธิ์ชุบทอง ซึ่งเครื่องประดับมูโรเกิดขึ้นครั้งแรกในนครเวนิส ช่วงยุคกลาง โดยเชื่อกันว่าจะนำความโชคดีมาให้ผู้ที่สวมใส่, สร้อยมุกทองคำ 18 กะรัต ลงรักสีแดงชาดแกะสลักด้วยมือประดับเพชรเหลี่ยมลูกโลก ได้รับแรงบันดาลใจจากพวงมาลัยของไทย ซึ่งใช้เป็นเครื่องสักการะบูชาหรือเก็บไว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งการลงรักสีแดงชาด เป็นศิลปะที่พัฒนาขึ้นโดยชาวจีนที่องค์จักรพรรดิทรงใช้เพื่อเป็นของขวัญชั้นสูงสำหรับพระราชทานให้ทางการทูตหรือการเมือง, สร้อยคอพัดญี่ปุ่นโบราณ สำหรับผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตนเอง ดีไซน์เก๋ รูปพัดญี่ปุ่นตกแต่งด้วยการลงรักสีแดงชาดแกะสลัก ขมวดเขากระบือสีดำ เพชรเหลี่ยมลูกโลกประดับบนเงินเนื้อบริสุทธิ์ชุบโรเดียมสีดำ มรกตทรงบาร์เกต ประดับในทองคำ 18 กะรัต ห่วงสร้อยคอมีไข่มุกบาร็อค ประดับเงินเนื้อบริสุทธิ์ชุบโรเดียมสีดำและทองคำ 18 กะรัต, แหวนนกหยกแกะสลัก ทอง 18 กะรัต ประดับด้วยไพลิน ทับทิมและเพชรเจียระไน, กระเป๋าถือไม้ไผ่สานโบราณ ซึ่งนำเทคนิคการสานเสื่อไม้ไผ่มาดัดแปลงเป็นกระเป๋าตกแต่งด้วยกรอบไม้สักปิดทอง มือจับทำจากรากไม้ไผ่ ตกแต่งด้วยลูกปัดคลัวซอนเน ประดับด้วยเส้นไหมและกบเงินเคลือบเขียว, สร้อยคอเปียโนทองคำ 18 กะรัต ประดับด้วยไม้สีดำแกะสลัก เพชรเหลี่ยมลูกโลก เพชรทรงบาร์เกต เงินเนื้อบริสุทธิ์ชุบโรเดียมสีดำ ออกแบบตามลักษณะของแกรนด์เปียโน
นอกจากนี้ได้นำความเชื่อของชาวจีน ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ และพุทธศาสนา ความเชื่อของชาวญี่ปุ่นโดยมีศาสนาชินโตเป็นพื้นฐาน และนำงานออกแบบจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและงานออกแบบจากสัตว์ มาเป็นแรงบันดาลใจในการดีไซน์ของตกแต่งบ้านสุดเลอค่าทั้ง 10 ชิ้น อาทิ ชามมังกรไม้มะเกลือ ความลึกลับแบบจีนโบราณ ผลิตขึ้นจากไม้มะเกลือชิ้นเดียว ออกแบบด้วยเงินบริสุทธิ์เป็นนักปราชญ์จีน (เล่าจื๊อ) พร้อมกับมังกรจีนนำทางเรือ, พระสังกัจจายน์ถือเงินตำลึงจีน สร้างจากไม้สักตกแต่งด้วยเงินและกระดุมเทอร์ควอยส์ ตั้งอยู่บนแท่นหินแกรนิตสีดำ แสดงถึงความมั่งคั่งและความโชคดี, บอนไซญี่ปุ่น ทำจากไม้เคยากิญี่ปุ่นโบราณประกอบเข้ากับเงินเนื้อบริสุทธิ์เพื่อสร้างต้นบอนไซทรงบัณฑิต ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นที่ลำต้นเปลือยเปล่ามีกิ่งก้านน้อยที่สุด ใบประดับด้านบนลำต้นที่ยาว ซึ่งใช้เวลากว่า 3 เดือน ด้วยฝีมือของช่าง 7 คน เพื่อทำให้งานมีชีวิตขึ้นมา, พญานาคตาลมะพร้าว โดดเด่นด้วยหัตถกรรมช่างเงิน ดีไซน์รูปพญานาคจากความเชื่อของชาวอียิปต์ที่ว่าเป็นเทพเจ้า แห่งสายน้ำ ผสานกับวัฒนธรรมเอเชียและอุษาคเนย์รวมถึงประเทศไทย เป็นต้น
ร่วมเสพงานศิลปะและครอบครองงานดีไซน์สุดเลอค่ากับ 90 ผลงานแฮนด์เมดมาสเตอร์พีซ จากช่างฝีมือชั้นสูง สะท้อนคุณค่าวัฒนธรรมและหัตถกรรมของเอเชีย เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 37 ปี แบรนด์ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ (Lotus Arts de Vivre) ได้ที่ โลตัส อาร์ต เดอร์ วีฟว์ บูทีค ชั้น 1 โรงแรม อนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เวลา 10.00 – 19.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.lotusartsdevivre.com/