ผู้หญิงกับการลดน้ำหนักเป็นของคู่กัน บางคนก็ทำได้สำเร็จ แต่บางคนก็ลดมาทั้งชีวิตแต่ไม่ลงสักขีด แถมยังขึ้นเอาๆ ครูแพร หรือ คุณนพภัสสร เลิศยศอนันต์ เจ้าของแฟนเพจ “ลืมอ้วน By Krupare” ก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน จากที่เคยอวบๆ พอหลังจากคลอดลูกก็ขยับมาเป็นคนอ้วนอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็สามารถเอาชนะใจตัวเองจนลดน้ำหนักไปได้กว่า 47 กก. มาดูเทคนิคของครูแพรกันค่ะ ว่าใช้วิธีไหน ลดความอ้วน !
แพรวนเวียนอยู่กับ ”วัฏจักร” กับการลดน้ำหนักมา 12 ปี เริ่มตั้งแต่อายุ 18 ปี กินยาคลินิก ยาชุด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อะไรที่เขาว่าดีลองมาหมดค่ะ คือทุกรูปแบบจริงๆ ลองคิดดูนะคะ 12 ปี นานแค่ไหน พอเราหยุดกินยาก็กลับไปคืนร่างเดิม แล้วก็กลับไปกินยาอีก ผอมอีก และก็อ้วนอีก!! วนไปมาเดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอม สุขภาพจิตก็แย่มากๆ
กินจนถึงขนาดที่ต้องเข้าโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า “เกิดภาวะโซเดียมในร่างกายต่ำ” เนื่องจากที่เราอดอาหาร และกินยาลดความอ้วน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของระบบหัวใจผิดปกติ อาการมันทรมานมาก อาเจียน เวียนหัว คลื่นไส้ตลอดเวลา กินอะไรไม่ได้ ปวดกระดูกทั้งตัว ไม่มีแรง หายใจไม่อิ่ม แอดมิน 5 วันเต็มๆ
วนเวียนเป็นอยู่แบบนี้มาตลอดค่ะ เพราะพอเราหยุดกินยาเราก็กลับไปกินอาหาร ใช้พฤติกรรมเหมือนเดิมคือ ปกติเป็นคนกินเก่งมากๆ จากน้ำหนักโยโย่แค่ 60 กก. ก็ขึ้นเป็น 65 กก. และพอมาแต่งงานมีครอบครัวก็ตั้งท้อง น้ำหนักก็พุ่งขึ้นไปถึง 83 กก.
ชีวิตทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ตั้งแต่การกิน(ที่มากขึ้น) การนอน(ที่ลำบาก)การใส่เสื้อผ้า(ที่แทบจะไม่มีตัวไหนใส่ได้เลย) การที่ต้องแบกหน้าเข้าสังคมกับเพื่อนๆ การที่ต้องขำทั้งน้ำตากับคำล้อเลียนด้วยสรรพนามต่างๆ สงสารตัวเองมาก เพราะแฟนเป็นคนตัวเล็ก ทำให้เราไม่อยากออกไปเจอสังคมที่ไหน แม้กระทั่งไปตลาดใกล้ๆ ก็ไม่อยากไป
และแล้ววันที่จุดเปลี่ยนของชีวิตก็มาถึง มีพี่ที่ขายผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่งที่ดังมากในตอนนี้ ซึ่งราคาค่อนข้างสูง เขามาชวนเราให้ไปกินซึ่งบอกว่ามันได้ผล เขาก็อธิบายสรรพคุณ ซักประวัติจนละเอียด ชั่งน้ำหนัก วัดไขมัน คือเราตั้งใจแล้วว่า ตกลงจะสมัครสมาชิกเพื่อลองกินดู แต่ขอเป็นวันพรุ่งนี้ (ตอนนั้นไม่ได้เตรียมเงินไป) พอกลับมาถึงบ้านก็มานั่งหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ดีอย่างที่เขาพูดไว้หรือไม่? และอยู่ๆ ก็เลยฉุกคิดขึ้นได้ว่า ตอนพี่เขาพูดเขาบอกว่าระหว่างกินผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ห้ามกินของหวาน มัน ทอด แป้ง คือถ้างดขนาดนี้เราไม่กินยาของเขาก็น่าจะลดได้นะ เกิดคำถามขึ้นในใจ.. เลยคิดว่าจะลองลดน้ำหนักเองดูซักตั้งก่อน (ใจคือยามันแพง) ถ้าไม่ได้ผลค่อยว่ากัน..
หลังจากนั้นก็หาข้อมูลการลดน้ำหนักด้วยตัวเอง ด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะ ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย โยคะ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทัศนคติ ลองผิดลองถูกอยู่สักพัก ก็สรุปได้ว่า
1.การควบคุมอาหาร
แพรจะกินอาหารคลีน แต่ไม่คลีน 100% และสูตรอาหารคลีนของแพรที่แตกต่างจากที่อื่นก็คือ จะเป็น Clean Thai Food คลีนด้วยสูตรอาหารไทย เพราะแพรว่ามันทำง่าย กินง่าย และหาวัตถุดิบง่าย ที่สำคัญคือประหยัดค่าใช้จ่ายแถมน้ำหนักลดได้ไว และยังได้เรื่องของสุขภาพด้วยค่ะ จากปกติเป็นคนท้องผูก พอมาทานอาหารคลีนสูตรไทยปัจจุบันก็ถ่ายเป็นปกติทุกวัน แถมผิวพรรณก็ใสขึ้นด้วยค่ะ
แพรจะกินอาหาร 3 มื้อ หลัก นะคะ แต่จะเน้น หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น (เน้นอาหารที่ไม่ใช่แป้ง น้ำตาล)
มื้อเช้าส่วนใหญ่จะรีบเร่ง แพรจะชอบกินไข่ต้มค่ะ 2 ฟอง โปรตีนสูง สบายท้อง สบายแคลอีกด้วย (ไข่ไก่ต้มฟองละ 75 Kcal) ส่วนมื้ออาหารว่างจะเน้นกินแตงโม เพราะให้ความหวาน เย็นฉ่ำ แทนการโหยของหวานได้ชั้นเยี่ยมแถมแคลอรี่ต่ำด้วยค่ะ ส่วนเครื่องปรุงจะใช้แบบโลว์โซเดียมนะคะ
2.การออกกำลังกาย
แพรจะไม่เน้นเข้าฟิตเนต เพราะไม่สะดวกในเรื่องของเวลาและตอนใหม่ๆ จะอายด้วยเพราะอ้วนมาก เลยดูจากคลิปและเรียนรู้ ถูกๆผิดๆ อันไหนได้ผลดีก็จะเอามาปรับใช้ ในช่วงแรกจะเน้นคาดิโอ้ เยอะหน่อย เพราะต้องการรีดน้ำหนักจะลงไว ส่วนที่ใช้ประจำก็จะมี T25 / BeFit / และก็ท่าต่างๆ ผสมผสานสลับกันไปในแต่ละวัน Plank / Squat /cadio เป็นท่าที่ทำประจำ
ผลลัพธ์ คือ น้ำหนักลดลงมาเรื่อยๆค่ะ และที่น่าแปลกใจคือ ร่างกายจะรักษาระดับมากๆ คือ น้ำหนักของแพรจะลงสัปดาห์ละ 1 กก. มาตลอดเรื่อยๆ จนมาเบรกตอน 65 กก. เราก็ปรับเปลี่ยนวิธีการกินให้น้อยลงอีก 1 ระดับ และออกกำลังกายเพิ่มขึ้นอีก 1 เลเวล พอน้ำหนักลดลงมาเรื่อยๆ ก็มาเบรกตอน 55 กก. ทีนี้แพรก็เปลี่ยนมาใช้ชีวิตปกติ คือกินปกติ(ในที่นี้เลี่ยงหวาน มัน ทอด) แต่กินทุกอย่างเพื่อให้ร่างกายไม่ชินกับสิ่งที่เราทำ เพื่อไม่ให้ระบบเผาผลาญทำงานลดลง หรือพูดง่ายๆ ว่าหลอกร่างกายให้เป็นปกติค่ะ
น้ำหนักก็อาจจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1-2 กก. ทำแบบนี้ประมาณ 1 เดือน และกลับมาลดต่อ คือทำเหมือนกับตอนที่ลดครั้งแรกทุกอย่างค่ะ น้ำหนักก็ลดมาที่ 50กก. แล้วก็เบรกเอี๊ยดดดด! รอบนี้คงที่นานหน่อยค่ะ ประมาณ3-4 เดือน เราก็วนกลับมาสูตรเดิมค่ะ คือกลับมากินปกติอีกครั้ง
แต่ในระหว่างที่กินปกติก็ต้องคุมน้ำหนักด้วยนะคะไม่ให้เกิน 2-3 กก. ถามว่าทำไมเราต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อเตรียมตัวให้ร่างกายพร้อมที่จะลดน้ำหนักต่อไปอีกค่ะ ..เมื่อครบ 1ปี ของการลดน้ำหนัก รอบนี้ตั้งใจว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายคือตั้งเป้าหมายไว้ที่ 45-47 กก. ก็เริ่มสตาร์ทใหม่อีกครั้งค่ะ ก็ปฏิบัติทุกอย่างเหมือนกับตอนที่ทำครั้งแรกทั้งการกิน ออกกำลังกาย จนตอนนี้สามารถแตะน้ำหนักที่เลข 4 ได้แล้ว
“หุ่นเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยนค่ะ” ทุกวันนี้มีความสุขกับการกิน การใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นเยอะเลยคร้า แพรขอเป็นกำลังใจ และเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ ที่มีความตั้งใจว่าอยากหุ่นสวย สุขภาพดี ตั้งเป้าหมายของตัวเองแล้วไปให้ถึงค่ะ
ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลจาก เพจ ลืมอ้วน By Krupare