ครูท๊อฟฟี่-วรวลัญช์ นิลภูศรี ครูสาววัย 33 ที่รักในการกินและเป็นสายนักชิมตัวยง ชอบเช็กอินร้านคาเฟ่ ร้านตรงไหนเปิดใหม่ขอให้บอก จะตามไปรีวิวให้ทุกที่ เบเกอร์รี่ เค้ก แซนวิช ขนมปัง เครปเย็น บิงชู โดยเฉพาะขนมไทยชอบมากที่สุด พวกครองแครงน้ำกะทิ ขนมกล้วย ขนมฟักทอง สาคูไส้หมู คือเอาง่ายๆ ว่าอยู่ได้ทั้งวันโดยที่ไม่กินข้าว แต่ต้องมีขนม และไม่ชอบการออกกำลังกายมากที่สุด เหนื่อย ร้อน การออกกำลังกายง่ายๆ แค่เต้นแอร์โรบิคยังไม่ทำเลยค่าาา
ผอมเพราะยา อ้วนก็เพราะยา
อยากบอกว่าเป็นผู้หญิงที่เดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอมมาตลอดชีวิต ไม่เคยผอมถาวรเลยสักทีเพราะช่วงที่ผอม คือกินยาลดความอ้วน มันก็จะผอมในช่วงแรกๆ แต่พอเลิกกินสุดท้ายก็กลับมาอ้วนเหมือนเดิม
เคยผอมสุดจากการทานยา น้ำหนัก 47 กก. แล้วโยโย่มาที่ 63 กก. ตอนนั้นจิตตกมาก จากคนเลยผอม (เพราะยา) ไปเจอผู้คนส่วนใหญ่ก็จะทักเป็นเสียงเดียวกัน ไปทำอะไรมาเนี่ย!! อ้วนขึ้นนะ , หน้าสวยนะแต่ตัวอ้วน , สวยแค่หน้า และอีกหลายๆ คำพูด เลยทำให้ไม่อยากไปไหน ไม่อยากแต่งตัว ไม่อยากเจอใคร ถ่ายรูปลง Facebook จะมีแต่รูปที่ตัวเองเชลฟี่แค่หน้าเท่านั้น (หัวเราะ)
ขาเบียดหนักมาก
ด้วยรูปร่างเดิมเป็นคนที่ต้นแขน ต้นขา และสะโพกใหญ่ พออ้วนไขมันจะไปอยู่ที่จุดนี้จำนวนมาก ที่หนักสุดและไม่ชอบเลยคือขาเบียด คนอ้วนหลายคนคงเข้าใจดี วันไหนที่ใส่กระโปรงเวลาเดินต้นขาจะสีกันจนเป็นแผล และเกิดรอยดำคล้ำ ระหว่างวันต้องแวะเข้าห้องน้ำ เอาแป้งทาตลอด พอจะใส่กางเกง ก็หากางเกงใส่ยาก เพราะเป็นคนเอวเล็ก สะโพกใหญ่ พอซื้อพอดีเอวก็ติดต้นขาดึงขึ้นไม่ได้ พอเอาพอดีสะโพกแต่เอวหลวม เหนื่อยมากกับการแต่งตัว เคยเครียดมากถึงขนาดไม่กล้าไปงานแต่งงานเพื่อน เพราะหาเสื้อผ้าใส่ไม่ได้ เลยต้องฝากซองเพื่อนคนอื่นไปแทน
ปัญหาสุขภาพ คอเลสเตอรอลสูง
ปัญหาสุขภาพที่ตามมาหลังจากปล่อยตัวอ้วนคือตรวจสุขภาพประจำปี ผลออกมาว่าไขมันในเลือดสูงมาก!!!!!! ซึ่งค่าปกติของคนทั่วไป คอเลสเตอรอลต้องไม่เกิน 200 แต่ตอนนั้นพุ่งสูงถึง 338 แต่ก็นั่นแหละค่ะ ไม่ได้สำนึกอะไร คิดว่าเป็นกรรมพันธุ์ เพราะคุณพ่อก็เป็นคอเลสเตอรอลสูง
ลองชุดแต่งงานแล้วอ้วนมากทนไม่ไหว
จุดเริ่มต้นคงเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆที่กำลังจะเป็นเจ้าสาว คืออยากสวยและดูดีที่สุดในวันแต่งงาน โดยที่ตัวเอง วางแผนที่จะแต่งงานในเดือนพฤศจิกายน และเริ่มเตรียมตัวมาตลอดตั้งแต่ต้นปีแต่ก็ล้มเหลวเพราะแพ้ใจตัวเอง เคยตั้งใจจะตื่นเช้าไปวิ่ง แต่พอถึงเวลาก็ปิดเสียงนาฬิกาปลุก แล้วก็นอนต่อ คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่ละกัน จนเจ้าบ่าวพูดว่า “หนูคงไม่มีทางผอมไปมากกว่านี้แล้ว”
มาจริงจังที่สุดคือเดือนกรกฎาคม วันนั้นไปร้านถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วลองใส่ชุดไทยที่สไบปิดแขนได้ข้างเดียว อีกข้างก็ต้องโชว์ต้นแขนหนาๆ ผ้าถุงก็รัดสะโพกมหึมา มองตัวเองในกระจก เราจะเป็นเจ้าสาวสายอวบ ที่มโนว่าตัวเองหน้าสวยแบบนี้จริงๆหรอ??????
ออกจากร้านวันนั้นกลับมาตั้งใจลดน้ำหนัก ด้วยการกินอาหารแบบคีโตจีนิคไดเอท (คือการไม่กินแป้งทุกชนิด รวมถึงข้าว ไม่กินผลไม้ กินได้แค่ตระกูลเบอรี่ และตัดน้ำตาลออกไปโดยสิ้นเชิง) และในตอนเช้า งัดตัวเองออกจากที่นอน ไม่กดปิดนาฬิกาอีกต่อไป
ลดน้ำหนัก 9 กก. ภายในเวลา 5 เดือน
จากการลองชุดเจ้าสาววันนั้น เดือนกรกฎาคม จน ถึงเดือนพฤศจิกายน รวมเวลา 5 เดือน
เริ่มต้นที่น้ำหนัก 62 กก. สูง 160 ซม. สัดส่วน 36-32-40
วันที่เป็นเจ้าสาว น้ำหนัก 53 กก. สูง 160 สัดส่วน 32- 26-37
เคล็ดลับและตารางการออกกำลังกาย
1.ตื่น 05.00 น. มาดื่มชาเขียวร้อนหรือกาแฟดำ และตามด้วยน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะตามด้วยด้วยน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น
2. ออกไปวิ่ง 05.30 น. โดยตั้งเวลาไว้ที่ 45 นาที ไม่ครบไม่เลิก (ช่วงแรกวิ่งสลับเดินผ่านไป 2 เดือน วิ่งอย่างเดียวไม่เคยหยุดพักจนครบ) หลังออกกำลังกาย 45 นาทีไม่ทานอะไร เพราะกระบวนการเผาพลาญในร่างกายยังทำงานอยู่ และก่อนงานแต่งงาน 3 เดือน เพิ่มการวิ่งอีก 45 นาที ในช่วงเย็นด้วยค่ะ
3.ทำอาหารกินเอง เพื่อให้ไม่หลุดจากโปรแกรมคีโตจีนิคไดเอท
4.ปั่นน้ำผักกินทุกเช้า เพื่อช่วยระบบขับถ่าย เพราะโปรแกรมคีโตจีนิคเน้นกินแต่เนื้อสัตว์ เลยต้องเสริมตรงนี้เข้าไป ผักที่จะเอามาปั่นจะสลับหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ตำลึง คะน้า มะเขือเทศ มะนาว (สูตรนี้ขับถ่ายดีมาก)
5.ระหว่างวัน กินน้ำเปล่าขวด 1.5 ลิตร บังคับตัวเองให้ได้วันละ 2 ขวด
6.นอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เพราะหลัง 4 ทุ่มเป็นช่วงเวลาที่โกรทฮอร์โมนทำงาน ท่องไว้ฉันต้องสวยที่สุดในวันงานแต่งของฉัน (หัวเราะ)
7.ช่วงเย็นเข้าฟิตเนต เพื่อเวทเทรนนิ่งกระชับกล้ามเนื้อ วันละ 1-2 ชม.
8.วันไหนหิวช่วงดึกๆ ก็จะกินไข่ต้ม 2 ฟอง แล้วอัดน้ำตามเยอะๆ (ไข่ต้มเป็นอาหารคู่กายเวลาลดน้ำหนักที่ดี)
9.มีการทำ IF (คือการอดอาหารเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ 12 ชม.ขึ้นไป) ตอนนั้นจะไม่กินอะไรหลัง 17.00 น.
พูดกับตัวเองว่า…ฉันสวยได้มากกว่านี้!!!
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ คือการชนะใจตนเอง ตลอดเส้นทางกว่าจะเป็นเจ้าสาว ในระยะเวลา 5 เดือน เหนื่อยและบางครั้งมีท้อบ้าง แต่เรามีเป้าหมายและแรงจูงใจที่ชัดเจน เวลาเหนื่อยไม่อยากไปวิ่ง จะเปิดดูรูปที่ถ่ายไว้ตอนลองชุดถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วพูดกับตัวเองว่าฉันสวยได้มากกว่านี้!!!
ในช่วงเวลาที่ลดน้ำหนัก ไม่เคยชั่งน้ำหนักเลยเพราะเคยชั่งช่วงแรกๆ น้ำหนักลงน้อยมากเป็นหลักขีด แต่เวลาขึ้น ขึ้นเป็นกก. แล้วเก็บเอามาเครียด เลยเลิกชั่งน้ำหนักไป และสังเกตจากรูปร่างตัวเองและเสียงจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะว่าที่เจ้าบ่าว มีวันนึงเราชวนกันไปวิ่งตอนเช้า แล้วเราบอกให้เจ้าบ่าวถ่ายรูปให้หน่อย โดยที่ถอดเสื้อยืดออกเหลือแต่สปอต์บาร์ ซึ่งตอนนั้นมีกล้ามท้องเล็กๆมาแล้ว เจ้าบ่าวไม่ได้พูดหรือชมอะไรสักคำ แต่เราเห็นแววตา และรอยยิ้มที่เค้ามองเราในวันนั้น เป็นไงล่ะคนที่เธอบอก หนูคงไม่มีวันผอมไปมากกว่านี้แล้ว!!!
สำคัญที่สุด ผลการตรวจสุขภาพเมื่อสิ้นปี หมอถามว่าไปทำอะไรมาผลเลือดดีมาก น้ำหนักก็ลดลง เราตอบหมอว่า หนูวิ่งค่ะ หมอบอกอ๋อ ออกกำลังกายหรอดีๆ ทำต่อไปนะ (ยิ้ม)
จากคนที่เกลียดการออกกำลังกายมากที่สุด ปัจจุบันลงวิ่งมินิมาราธอน 10.5 กม. สนามแรกเข้าเส้นชัยในเวลา 1.13 ชม. ส่วนเจ้าบ่าววิ่งตามหลังเรา (หัวเราะ) และคงมีอีกหลายสนามตามมา เพราะเราสัญญากันแล้วว่า นอกจากเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว เราจะเป็นตายายแก่ๆ ที่สุขภาพดีไปด้วยกัน……
เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังลดน้ำหนักทุกคนนะคะ อยากบอกว่า “ความตั้งใจของคนเรา อนุภาพมันร้ายแรงและยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด” ขอแค่เราลงมือทำ ผลลัพธ์มันอาจไม่เห็นง่ายๆ ในวันสองวัน แต่เชื่อว่าวินัยและความตั้งใจมันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเสมอ จากที่ “ลองอ้วนมาตลอดชีวิต คุณจะไม่ลองผอมและสวยสักครั้งในชีวิตจริงๆหรอ”
บทสัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย : Women MThai Team
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้บนเว็บไซต์ MThai.com เท่านั้น
ขอบคุณแรงบันดาลใจจาก ครูท๊อฟฟี่ ครู ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดอุทัยธานี
ปล่อยตัวมานาน ปีใหม่ สุมนต์รัตน์ ลุกขึ้นมาเปลี่ยนครั้งใหญ่ ค้นพบวิธี หุ่นดีถาวร
โปรแกรม กระชับแขน (ผู้หญิง) ..บอกลาแขนห้อย