“เราเชื่อว่าเราทำได้ ทุกคนก็ต้องทำได้ เพราะเราเคยมีช่วงชีวิตที่หนัก 95 กก.มาแล้ว”
ข้อความให้กำลังใจจากน้องพลอย สาววัย 25 ที่หันมาดูแลสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกายและคุมอาหาร จนสามารถลดน้ำหนักไปได้กว่า 45 กก. โดยอยากเป็นแรงบันดาลใจกับคนที่กำลังพยายามลดอยู่ ให้สู้ต่อไป อย่ายอมแพ้
น้องพลอยเป็นเด็กที่อ้วนมาตั้งแต่แรก ยายทำกับข้าวอร่อย รสมือแม่ที่เราต้องกินทุกวัน อ้วนสะสมมาตั้งแต่เด็ก ใครจะแซวก็ไม่รู้สึกอะไร ช่วง ม.ปลาย เริ่มอ้วนแบบจริงจังคือน้ำหนัก 70 กว่า จนขึ้นมหาวิทยาลัย ปี3 น้ำหนักขึ้นมาพีคสุดในชีวิตคือ 95 กก. ก็เรียกว่าจ้ำม่ำ หน้ากลมเลยแหละ
ก่อนหน้านี้คนรอบข้างมักจะแซวว่าอ้วนดำๆ บางคนก็เตือนว่าอ้วนแล้วนะ ลดได้แล้ว แม่ก็บ่นอยู่ทุกวันให้ลดน้ำหนัก โกรธก็โกรธ เจ็บก็เจ็บ แต่ก็ไม่ฟังใครทั้งนั้น!!! วันนึงนั่งดูตัวเองที่หน้ากระจก คิดทบทวนว่านี่เราน้ำหนักจะ 100 กก. แล้วนะ เสื้อผ้าก็หาใส่ยาก ใส่ได้เเค่เสื้อยืดไซส์ผู้ชายตัวยักษ์ๆ กับกางเกงสแล็ก เอวเกือบ 44 นิ้ว เดินขึ้นสะพานลอยก็เหนื่อย ทำอะไรนิดหน่อยก็เหนื่อย อยากมีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นๆ อยากแต่งตัวสวยๆ และแน่นอนอ้วนแบบนี้แฟนเฟินไม่ต้องหวังว่าจะมี
จุดนี้ทำให้ฮึดหันมา ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย ภายในระยะเวลา 6 เดือน เราน้ำหนักลงมาอยู่ที่ 65 กก. เราดีใจมาก เอวลดลงมาเกือบ 10 นิ้ว เสื้อผ้าหาใส่ง่ายขึ้น แต่ แต่ แต่ …..พอน้ำหนักลง เราก็กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม กินแบบเดิม ไม่ได้ไปออกกำลังกาย น้ำหนักก็ขึ้นมาอยู่ที่ 72 กก. ก็เริ่มกลับมาคิดทบทวนอีกครั้งว่าเราจะกลับมาอ้วนอีกแล้วนะ เราจะรอให้มันกลับมา 95 กก. อีกหรอ?
กลางปี 2559 ก็ถือว่าเป็นการคัมแบ็คน้ำหนักกันใหม่ เริ่มต้นที่ 72 กก. กลับมาเอาจริงกับการลดน้ำหนักอีกครั้ง รอบนี้มีเป้าหมายที่จริงจังมากกว่าเดิม จริงๆ เรามีนิสัยเสียอย่างนึงที่เป็นเด็กดื้อไม่ฟังใคร และอยากทำอะไรจะทำด้วยตัวเองไม่ชอบให้ใครมาบังคับ กลับมารอบนี้พลอยเริ่มจากเลือกกิน
แรกๆ คือทำอาหารแบบงูๆปลาๆ มีซื้อบ้าง แล้วศึกษาการทำกับข้าวการเลือกวัตถุดิบ ลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ จะเรียกว่ากินคลีนก็ไม่เชิง เพราะปกติเราเป็นคนกินรสจัด เค็มจัด เลยค่อยๆ ปรับตัว พอทำบ่อยๆ สกิลการทำอาหารก็มีอัพเลเวลนิดหน่อย อยากกินสปาเก็ตตี้ น้ำพริกอ่อง หรือเมนูแปลกๆก็เปิด google ลอกเค้าเอา (หัวเราะ)
พอทำกับข้าวกินเองสักพัก ก็มีการเริ่มคิดอยากจะออกกำลังกาย เลย walk in เข้าไปสมัครฟิตเนสอย่างทันท่วงที ไม่มีเซลล์โทรมาขายคอร์สแต่อย่างใด ช่วงแรกๆก็ทำอะไรเป็นเลยเข้าไปออกกำลังกายเเบบมึนๆงงๆ แปปๆก็เหนื่อยแล้ว สควอซยังทำไม่เป็นเล้ยยยยย คิดดู้ววว!!!
แต่ก็พยาพยามไปทุกวันหลังเลิกงานให้ชิน พอเข้าไปสักพักเราก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนในฟิตเนสบ้าง ได้มีการพูดคุยกับเทรนเนอร์ในฟิตเนสบ้าง จากแต่ก่อนเข้าวันละคลาสก็เหนื่อย ก็เพิ่มเป็น 2 3 4 5 คลาส เริ่มคลั่งการออกกำลังกายขึ้นเรื่อยๆ จากที่ออกแค่ตอนเย็น ก็เพิ่มตารางมาออกกำลังกายตอนเช้าก่อนไปทำงานอี๊กกกก (เหตุผลคือการออกกำลังกายตอนเช้าเราจะได้ weight training แบบเต็มที่เพราะเป็นช่วงเวลาที่คนน้อย ทุกเครื่องเล่นเป็นของเรา)
ในส่วนของตอนเย็นเราก็เบิร์นเองบ้าง เข้าคลาสจักรยาน ,bodypump ,core abs ,functional training สลับๆ กันไป เรื่องอาหารการกินก็เป็นบ้าหอบฟาง เเบกกล่องข้าววันละ 2 กล่องไปทำงาน กินมื้อเช้าที่ฟิตเนส มื้อเที่ยงที่ออฟฟิต ตอนเย็นมาออกกำลังกาย ออกกำลังกายเสร็จก็มาจ่ายตลาดซื้อของที่ supermarket ทำจนเป็นชีวิตประจำวัน
น้ำหนักเราลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงขั้นน้ำหนักน้อยที่สุดในชีวิต คือ 48.8 กก. รอบเอวเหลือ 25 นิ้ว มาถึงวันนี้เรารู้สึกมันเป็นวันของเราจริงๆ และไม่ได้เปลี่ยนแค่รูปร่างเท่านั้น แต่เราเริ่มหันมาสนใจเรื่องความสวยความงามมากขึ้น จากเดิมไม่เคยแต่งหน้า ก็มีพี่สอนแต่งหน้า จากแต่งตัวน้อยๆ เสื้อยืด กางเกงสแล็ก ทุกวันนี้เราความสุขกับการแต่งตัว อยากใส่อะไรก็ใส่ มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เมื่อก่อนเป็นคนกลัวกล้อง แอบกล้องอยู่หลังเพื่อนบ้าง ทุกวันนี้เรียกว่าบ้ากล้องก็ได้
เราเชื่อว่าทุกคนทำแบบเราได้ ทุกคนผอมได้ หลายคนถามพลอยว่า พลอยทำยังไงพลอยลดยังไง ออกกำลังกายยังไง กินอะไรบ้าง จริงๆ การลดน้ำหนักมันไม่ได้มีสูตรลดอะไร แค่คำว่า “ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย” แค่นั้นจริงๆนะ ขอให้ใจแข็งและมีวินัยในตัวเองมากพอ รักตัวเองให้มากๆ ขอให้ทุกคนหุ่นดี มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ
เมนูอาหารคลีน ทำง่ายด้วยตัวเอง
ข้อมูลได้รับอนุญาตจากคุณ Poly Surasit