เป็นคนอ้วนๆ ผอมๆ มาตั้งแต่เด็ก รักการกิน ชอบกินบุฟเฟ่ต์มากๆ เคยกินติดต่อกัน 3 วัน ติดน้ำอัดลมมาก กินวันละเป็นลิตรจนกระเพาะทะลุต้องผ่าตัด แต่ก็ยังไม่เข็ดยัง กินไปเรื่อยๆ สุดท้ายน้ำหนัก 102 กก.
อยากลดน้ำหนักเพราะป่วยหนัก
ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่จะพูดกับเราตลอดว่าให้ลดน้ำหนัก เดี๋ยวสุขภาพจะแย่ เดี๋ยวจะเป็นเบาหวาน แต่เราก็ดื้อ ไม่เคยเชื่อฟัง จนป่วยหนัก ช่วงที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ มันทำให้เราคิดได้ การที่เราปล่อยตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่แค่สุขภาพที่แย่ แต่เรายังทำร้ายจิตใจของพ่อแม่ทางอ้อมอีกด้วย เลยตัดสินใจว่าจะลดน้ำหนักจริงจัง ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย!
ปรับการกิน เปลี่ยนวิถีชีวิต
พอตัดสินใจว่าจะลดน้ำหนัก ก็เริ่มที่เรื่องอาหารการกินก่อน จากที่เคยเกลียดผัก อะไรที่เป็นรสขมจะไม่กินเลย ตอนหลังก็หัดกินมากขึ้น คิดซะว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา เปลี่ยนจากบุฟเฟต์มาเป็นอาหารคลีน ปรุงรสให้น้อย ลดเค็มลดหวาน บางเมนูไม่ต้องปรุงเลยก็ได้ โชคดีที่ปกติเป็นคนไม่กินอาหารรสจัดจ้าน เลยกินคลีนได้ง่าย แล้วก็เน้นสะดวก จ่ายตลาดวันนึง ทำวันนึง แล้วก็แช่ช่องฟรีซเอาไว้ จะกินก็เอามาอุ่น
ส่วนน้ำหวาน น้ำอัดลม จากเดิมที่ติดมาก ต้องกินทุกวัน ก็บอกลาไปเลย เปลี่ยนมาเป็นกินน้ำเปล่าวันละ 2-3 ลิตร อะไรที่เขาว่าดีเราทำหมด
มีความสุขกับการออกกำลังกาย
ปรับอาหารได้แล้ว ก็มาปรับวิถีชีวิตใหม่ เลิกใช้ลิฟท์ เลิกใช้บันไดเลื่อน เดินขึ้นลงบันได จากเคยขับรถไปตลาดก็เปลึ่ยนมาเป็นการเดิน ท่องไว้แค่ ขยับเท่ากับออกกำลังกาย ทั้งที่เมื่อก่อนคือขี้เกียจมาก ไม่รู้จักว่าออกกำลังกายคืออะไร ออกไปทำไม ร้อนแล้วก็เหนื่อยด้วย แต่ก็ต้องเริ่มทำ ทำไปทำมาจากตอนแรกแค่ตอนเย็น เดี๋ยวนี้ฟิตมาก ตอนเช้าก็ตื่นมาออกกำลังกายด้วย
เรื่องออกกำลังกาย จะทำควบคู่กันไปทั้งคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่ง อาทิตย์ละ 5 วัน
- เดิน วิ่งบนลู่ ปรับความเร็วที่ 6-9
- เวทเน้นกระชับสัดส่วน เล่นท้อง ขา และแขน
เรื่องนอนหลับก็สำคัญนะคะ จากที่เคยเป็นคนนอนดึก บางทีตี 2 ยังไม่นอนเลย ก็เปลี่ยนมานอน 3 ทุ่ม ปรากฏว่าดีมาก ร่างกายได้พักผ่อน ตื่นมาก็สดชื่น มีแรงออกกำลังกายได้อีก
อดทน ฝึกสม่ำเสมอ
ปัญหาและอุปสรรคเรื่องเดียวที่เจอคือใจกับร่างกายไม่สัมพันธ์กัน ช่วงแรกน้ำหนักตัวเราเยอะ แต่ใจเราเกินร้อยมาก สู้มาก อยากจะออกกำลังกายให้ได้เยอะๆ แต่ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้ เจ็บปวดแขนขากันไปตามระเบียบ แต่ก็อดทนค่ะ วิ่งไม่ได้ก็เดิน พอเดินได้ก็เดินเร็วขึ้น แล้วก็เริ่มวิ่งได้ หรืออย่างท่าออกกำลังกายที่ต้องทิ้งน้ำหนักตัวเยอะๆ อย่าง Plank ก็ทำไม่ได้ ก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ ฝึกไปเรื่อยๆ ตอนนี้ทำได้แล้ว ดีใจมาก
แต่งตัวสนุกมากขึ้น
ปกติเป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว ถึงอ้วนก็มั่นใจในตัวเอง ร้านเสื้อผ้าพลัสไซซ์ก็มีให้เลือกเยอะ แต่พอเริ่มผอมลง ก็สนุกกว่าเดิม ข้อดีคือเราหาเสื้อผ้าใส่ง่ายขึ้น เราเองก็มีความสุขที่ได้เห็นตัวเองแต่งตัวสวยๆ
มุมมองความรักสำหรับสาวพลัสไซซ์
สังคมไทยยังติดค่านิยมว่าผู้หญิงสวย คือต้องผอม ต้องขาว คนอ้วนเลยถูกตีกรอบว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีตัวตน ซึ่งความจริงไม่ควรมีใครถูกตัดสิน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะถูกรัก การจะรักใครสักคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่าง หน้าตา หรือว่าสีผิว โชคดีมากที่คนรอบตัวดีกับเรา ไม่เคยล้อหรือดูถูกเราเลย และตอนนี้ก็มีความสุขมากที่ได้รักและดูแลตัวเอง
ขอบคุณผู้หญิงสร้างแรงบันดาลใจ กิ่งไผ่ – มณฑารัตน์ สีหะ อายุ 32 ปี
IG : memmoraye_try2fit
Facebook : memmoraye mono