กินแล้วนอน ไม่ออกกำลังกาย คือคำบอกเล่าจากน้องฝ้าย ที่เคยพาตัวเองไปเจอกับความอ้วนและโรคภัยต่างๆ จนสุดท้ายเมื่อถึงจุดที่ทนไม่ไหว ต้องลดอย่างจริงจัง ก็ทำได้ดีจนตอนนี้ สามารถ ลดน้ำหนัก ไปได้กว่า 30 กก. มาอ่านเคล็ดลับของเธอกันค่ะ
“อีอ้วน อีช้างน้ำ อีหมูตอน”
ช่วงที่น้ำหนักพีคที่สุด คือตอนปี 1ค่ะ น้ำหนักฝ้ายพุ่งไป 88 กก. ค่ะ จนมีฉายาที่เพื่อนเรียกกันว่า “อีอ้วน อีช้างน้ำ อีหมูตอน” ฝ้ายก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรนะคะ เพราะเพื่อนบอกเรียกแบบนั้นน่ารักดี ส่วนสาเหตุของน้ำหนักที่พุ่งมาขนาดนี้ เพราะกินเก่ง จำได้เลยช่วงนั้นฝ้ายกินชานมไข่มุกวันละ 3-4 แก้วค่ะ กินแทนน้ำเปล่ากันเลย คติประจำใจคือ “กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่” นั่นแหละค่ะ กินข้าวเสร็จต้องหาขนมหรือของหวานมากินตบท้าย ก็จัดค่ะฮันนี่โทสต์บ้าง ไอติมบ้าง กินแบบนี้ทุกวันค่ะ
กินแล้วนอน ชีวิตวนอยู่แบบนี้
พีคสุดคือฝ้ายกินหมูกระทะ 5 วันต่อสัปดาห์ค่ะ กินถี่มาก แล้วจะกินช่วงดึกๆ ประมาน 2-3 ทุ่มบางวันนั่งกินจนร้านปิดค่ะ พอกินเสร็จกลับถึงห้องปุ๊ป นอนปั๊ปค่ะ น้ำไม่อาบ สกปรกที่สุด ตอนนั้นชีวิตตัวเองเป็นแบบนี้ทุกวันค่ะ
ถ้าหิวตอนดึกๆ ก็ลงไปซื้อของกินข้างล่างหอ เพราะว่ามีร้านที่เปิดขายอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น ร้านนม ร้านพิซซ่า เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด นมปั่นเพิ่มวิ้ปปิ้งครีม ขนมปังปิ้งเนยนม 4 แผ่นเพิ่มวิ้ปปิ้งครีม ลูกชิ้นทอดอีก 6 ไม้ ซื้อขึ้นไปนั่งกินคนเดียวบนห้องค่ะ กินเสร็จแล้วก็นอนตามเคยค่ะ
ตัวใหญ่ ขาเบียด ขี้เกียจขยับร่างกาย
ตอนนั้นรู้สึกตัวเองแฮปปี้มากค่ะ อยากกินอะไรก็ได้กิน แต่ว่ามันก็ไม่ได้แฮปปี้ทุกเรื่องนะคะ เพราะว่าช่วงนั้นฝ้ายป่วยบ่อยมากๆค่ะ ป่วยทุกเดือนเลย ร่างกายก็เอื่อยเฉื่อย ไม่กระฉับกระเฉงเวลาจะลุกจะขยับตัวทำอะไร คือมันเฉื่อยไปหมดเลยค่ะ เนื่องจากตัวใหญ่ไม่ค่อยชอบลุก เดิน หรือออกแรงใดๆ แม้กระทั่งฝ้ายหิวน้ำ ยังต้องให้เพื่อนไปหยิบน้ำให้ในตู้เย็นค่ะ เพราะขี้เกียจมาก จนเพื่อนถามว่าจะให้ป้อนด้วยมั้ย (หัวเราะ) คือไม่ชอบเดินหรือขยับตัวไปไหนค่ะ เพราะตัวเองขาเบียด เวลาเดินก็จะรู้สึกอึดอัดตัวไปหมด ขนาดเดินขึ้นห้องตัวเองที่ชั้น 4 ฝ้ายยังหอบเลยค่ะ
โดนทักว่าอ้วนบ่อยขึ้น
ช่วงปิดเทอมฝ้ายกลับบ้านค่ะ กลับไปมีแต่คนทักค่ะว่าไปทำอะไรมา ทำไมอ้วนขนาดนี้เนี่ย! ทำไมอ้วนจัง ไปทำไรมา กินไรเข้าไปเนี่ย เจอแต่คนทักแบบนี้ค่ะ แล้วนี่พีคคือ แม่ของเพื่อนพูดว่า “เรียนการโรงแรมทำไมปล่อยให้ตัวเองอ้วนมากขนาดนี้ละ ลดความอ้วนได้แล้วนะ” คือตอนนั้นเสียความมั่นใจในตัวเองไปเลยค่ะ แต่ก็ยังไม่คิดจะลดน้ำหนักนะคะ เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่อ้วนมาก หุ่นอวบๆหมีๆ น่ารักจะตาย (หัวเราะ) คือมั่นใจในตัวเองมากไปหน่อยค่ะ คิดเข้าข้างตัวเองหมดค่ะ ก็ใช้ชีวิตตามปกติ
จนพ่อแม่ของฝ้ายบอกว่าฝ้ายอ้วนมากแล้วนะ ปล่อยตัวเองให้อ้วนขนาดนี้ได้ไง เมื่อก่อนยังไม่อ้วนขนาดนี้เลย ลดความอ้วนได้แล้วนะ ฝ้ายเรียนการโรงแรมนะ จะปล่อยให้ตัวเองอ้วนแบบนี้ไม่ได้ เพราะคนที่เรียนกับฝ้ายก็มีแต่หุ่นดีๆ กันทั้งนั้น คือน่าจะมีฝ้ายที่อ้วนที่สุดในสาขาค่ะ และมันน่าจะสุดๆ กับพ่อแม่ฝ้ายแล้วล่ะ เขาเลยพูดกับเรา แต่เราก็เถียงค่ะ ว่าไม่เห็นจะอ้วนเลย อ้วนตรงไหน
คือตอนนั้นเริ่มคิดแล้วค่ะ ว่าเราอ้วนมากขนาดนั้นเลยหรอ เพราะปกติแล้วพ่อแม่ฝ้ายจะไม่ค่อยมายุ่งเรื่องหุ่นของฝ้ายเลย น้อยใจมากค่ะ บอกกับแม่ว่าจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้ว กลับมาก็มีแต่คนพูดเรื่องหุ่น เสียใจ แอบไปร้องไห้ทุกวันไม่ออกจากบ้านเลย หมกตัวอยู่ในห้อง แต่ก็ยังไม่คิดจะลดน้ำหนักนะคะ ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ป่วยหนัก จนยอมออกกำลังกาย
จุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก คือ ฝ้ายกลับมามอแล้วไม่สบายหนัก เป็นไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอมซิลอักเสบด้วย อาการมาครบทุกอย่างค่ะ ปวดหัวตัวร้อน เจ็บคอ กินอาหารไม่อร่อยด้วยเพราะขมคอ อยากอาเจียนออกหมด ลุกไปไหนไม่ได้เลย เวลาลุกแล้วปวดหัวเวียนหัวมาก เป็นไข้นาน 2 อาทิตย์เลยค่ะ ถือว่านานที่สุดที่เคยป่วยมา ตอนนั้นคือนอนร้องไห้ทุกวันเลยค่ะ ทรมานมาก ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว บอกกับตัวเองว่าถ้าเราหายจะดูแลตัวเอง จะไปออกกำลังกาย
พอฝ้ายหายป่วยก็ชวนเพื่อนไปออกกำลังกายค่ะ ตอนไปยิมครั้งแรกก็งงๆว่าต้องเล่นอะไร ยังไง ตามภาษาคนไม่เคยออกกำลังกายเลย ก็เหลือบไปเห็นลู่วิ่ง อันนี้แหละน่าจะเล่นง่ายสุด วันแรกวิ่งไปได้แค่ 10 นาทีก็หอบแล้วค่ะ แล้วก็ฝืนทนวิ่งไป 30 นาที เหนื่อยมาก ตื่นมาอีกวันคือปวดไปทั้งร่างเลย สงสัยมันได้ผลนะ ต้องไปออกซ้ำมันถึงจะหายปวด ช่วงนั้นก็ออกกำลังกายหนักมากค่ะวันละ 1-2 ชั่วโมงเลย ทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน ฮูล่าฮูป เวทบ้างแล้วแต่วัน
ออกกำลังกายแต่ยังกินเหมือนเดิม
แต่อาหารฝ้ายยังกินแบบปกติทั่วไปนะคะ ยังไม่ได้กินคลีน แต่ก็ลดปริมาณการกินลง พวกของทอดกับน้ำหวาน ขนมหวาน ฝ้ายหักดิบไม่แตะเลย แต่แอบกินพวกขนมที่แคลน้อยๆ คิดว่ากินอะไรเข้าไปแล้วก็มาออกกำลังกายเดี๋ยวก็ลด ซึ่งตอนนั้นคิดผิดมากๆค่ะ จนทำให้ฝ้ายกลายเป็น “หมูแข็งแรง”
ฝ้ายทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ประมาน 1 เดือน ก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการกินอาหารและการออกกำลังกาย ว่าถ้าอยากลดไขมัน จะต้องทำ 2 อย่างนี้ควบคู่กันไป เริ่มนับ 1 ใหม่ค่ะ ยึดหลักควบคุมอาหาร80% ออกกำลังกาย20% ศึกษาการทำอาหารคลีน และเปลี่ยนการออกกำลังเป็นวันละ 3-4 วันต่อสัปดาห์ วันละ 30-40 นาที ออกไม่หนักจนเกินไป คือเห็นผลมากค่ะ สัดส่วนฝ้ายลงไปเยอะมากกกก ก็คิดว่าเรามาถูกทางแล้วนะ ก็ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ จนครบ 7 เดือน จาก 88 กก. ลดลงเหลือ 58.4 กก.
อาหารสำคัญมาก
เคล็ดลับคือ การควบคุมอาหารสำคัญมาก ถ้าเราออกกำลังกายหนักแค่ไหนแต่ไม่คุมอาหาร เราก็จะเป็นได้แค่ “หมูแข็งแรง” เพราะฉะนั้นอย่าลืมใส่ใจการกินของเรานะ เน้นโปรตีน ผัก กินของที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-4 วัน ก็โอเคแล้ว
ตอนนี้ฝ้ายออกกำลังกาย 5 วันต่อสัปดาห์ค่ะ วันละ 30-40 นาที ฝ้ายจะวิ่ง 15 นาที ต่อด้วยคาร์ดิโอสลับเวท (ทำตามคลิปในยูทูปค่ะ) ประมาน 15-20 นาที
ไอเดียในการทำอาหารคลีน
ดูในเพจเฟซบุ๊กบ้าง แฮชแท็กในไอจีบ้าง บางครั้งก็คิดเมนูขึ้นมาเองค่ะ ฝ้ายเป็นเด็กหอ เวลาทำอาหารก็ทำในหม้อหุงข้าว กะทะไฟฟ้า ใช้น้ำผัด(ไม่ใช้น้ำมัน) ใช้เครื่องปรุงโลว์โซเดียม ใช้น้ำตาลหญ้าหวาน อะไรแบบนี้ค่ะ ทำอาหารคลีนทานเองทุกมื้อเลย ซื้อแค่ของสดมาตุนไว้ในตู้เย็น สนุกกับการทำอาหารมากๆ จากเมื่อก่อนไม่เคยคิดจะทำอาหารกินเองเลย ตอนนี้คือรักการทำอาหารคลีน แล้วยังห่อไปกินที่มอทุกวันเลยค่ะ
ทุกวันนี้ฝ้ายทานคลีนทุกวันนะคะ จะมีวัน Cheat day สัปดาห์ละครั้ง บางครั้งถ้าต้องออกไปกินข้าวข้างนอกกับเพื่อนหรือครอบครัว ก็จำเป็นต้องกินอาหารไม่คลีนบ้าง แต่ก็กินในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เอาที่เราไม่เครียด แล้วเราจะทำได้นาน และมีความสุข
ส่งกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังลดอยู่
ใครที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ ฝ้ายขอให้ทุกคนสู้ๆนะคะ อย่าพึ่งท้อ เพราะมันต้องใช้ความอดทนและความพยายามมาก แล้วก็ตั้งเป้าหมายว่าฉันจะต้องทำมันให้ได้นะ มีวินัยในตัวเองเยอะๆ ถ้าเมื่อวานทำไม่ได้วันนี้ก็เริ่มใหม่ได้ พรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย ถ้าเราคิดที่จะทำ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการลดน้ำหนัก ตั้งใจลงมือทำเลยนะคะ แล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีแน่นอนค่ะ สู้ๆนะคะทุกคน เราจะสุขภาพดีไปด้วยกันค่ะ
ขอบคุณผู้หญิงสร้างแรงบันดาลใจ ฝ้าย-ณัฐสุดา รอดสกุล
IG : __faiyee__
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้บนเว็บไซต์ MThai.com เท่านั้น