ทำไมต้องรอให้ผอมถึงจะได้แต่งตัวสวยๆ สูดหายใจตั้งสติกันสักนิด แล้วลองค่อยๆ ปรับเปลี่ยนตัวเองทีละนิด เพราะความมั่นใจต้องใช้เวลาสร้าง เหมือนอย่างที่น้องด้วง ปิยะพร ภูมิภาค สาวพลัสไซส์ วัย 22 คนนี้ ลุกขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง ให้คนอื่นๆ ในสังคมได้เห็นว่า ความสวยไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างอีกต่อไป
พอโตขึ้นความอ้วนไม่ใช่สิ่งที่น่ารักอีกต่อไป
ตอนเด็กๆ พ่อแม่เลี้ยงเรามาให้จ้ำม่ำ กินเยอะๆ จะได้อ้วนๆ พอเราเริ่มโตขึ้น ความอ้วนของเรากลับไม่ใช่สิ่งที่น่ารักอีกต่อไปแล้ว ไปไหนมาไหนก็มักจะเจอแต่คำถาม ทำไมอ้วนจัง ไปกินอะไรมา บอกตรงๆ ว่าเสียความมั่นใจมากค่ะ
ช่วงที่โดนล้อหนักมาก ก็มานั่งคิดทบทวนกับตัวเอง หรือว่าเราจะไม่เหมาะกับการเป็นผู้หญิง ตอน ป.6 เลยเปลี่ยนลุคเป็นทอมบอยเลยค่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มเกเร ที่บ้านเลยจับไปอยู่โรงเรียนประจำ พอได้เข้าไปเรียนจริงจัง เราก็มีกลุ่มเพื่อนที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยมากๆ เลยค้นพบจริงๆ แล้ว เราว่าไม่ได้อยากเป็นทอม และเราก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง!
อกหักครั้งแรกเพราะเขารู้ทีหลังว่าอ้วน
พอกลับตัวกลับใจเป็นผู้หญิง ก็ยังโดนล้อเหมือนเดิมค่ะ แต่เริ่มดูแลตัวเอง สนใจเรื่องสวยๆงามๆ แล้วก็ลดน้ำหนักไป 10 กก. ทีนี้เลยมั่นใจมากขึ้น ก็มีคุยแชทกับเพื่อนชายต่างโรงเรียน เราใช้รูปโปรไฟล์ที่ถ่ายแบบปิดมุมอ้วนเอาไว้ ก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนเราเริ่มรู้สึกดี จนมาวันนึงมีคนรู้จักแอบมาถ่ายรูปตัวจริงเรา ส่งไปให้ผู้ชายคนนั้นดู เขาเห็นว่าอ้วน ก็ไม่ทักมาอีกเลย อกหักแบบงงๆ เสียใจมาก ความมั่นใจหายไปเลย
แฮปปี้ เมื่อเจอกลุ่มเพื่อนที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกัน
เลือกเรียนที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบเครื่องแต่งกาย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้เจอกลุ่มเพื่อนที่ชอบแต่งตัวเหมือนกัน เลยมีความมั่นใจมากขึ้น ตอนนี้คือเริ่มปล่อยวางทำใจได้แล้ว โฟกัสที่ตัวเองเป็นหลัก เริ่มแต่งตัวมากขึ้น เวลาไปข้างนอกมีคนมาชมว่าแต่งตัวน่ารักดีนะ ชุดสวยดี ยิ่งช่วงที่สายฝอมาแรง ตอนนั้นอายุ 20 ก็แต่งหน้า แต่งตัวแรงขึ้น เริ่มมีใส่บิกินี่ไปทะเล ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก คุณแม่เห็นก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เลยตัดสินใจเข้าไปคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังเลยค่ะ
คือต้องบอกก่อนว่าเรามีจุดยืนชัดเจนมาก ว่าจะไม่ขอเปลี่ยนแปลงอะไร แค่จะเข้าไปอธิบายเหตุผลให้คุณแม่ฟัง อยากให้คุณแม่ได้รับรู้ว่าเรามีความสุขกับตัวตนแบบนี้ เรามีความมั่นใจจากข้างในจริงๆ เรามีตัวตนในสายตาคนอื่นนะ เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจ ตอนนั้นน้อยใจมากค่ะ ตั้งใจหนีออกจากบ้านเลย พอเวลาผ่านไป 5 ชั่วโมง คุณแม่ก็ไลน์มาตามค่ะ บอกว่านั่งคิดทบทวนแล้วสิ่งที่เราพูดมาก็มีเหตุผล ตอนนี้ครอบครัวเราเหลือกันอยู่แค่ 3 คน คุณพ่อก็เสียไปแล้ว ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ ขอแค่เรื่องเดียวคือแต่งตัวให้ถูกกาลเทศะก็พอ
สนุกกับแฟชั่น ไม่มีกฏที่ตายตัว
คนถามเยอะค่ะ ว่าเรามีเทคนิคการเลือกเสื้อผ้ายังไง ซึ่งเอาจริงๆ คือไม่มีกฏตายตัวเลยค่ะ เราแต่งตัวเพราะว่าชอบจริงๆ ไปร้านเสื้อผ้ามือสองก็หยิบขึ้นมาจับๆ ถ้าชอบแล้วใส่ได้ก็คือจบ เวลาจะมิกซ์แอนด์แมทช์ก็แล้วแต่อารมณ์ตอนนั้นเลย ถ้ารู้สึกชอบจริงๆ สีแดงกับสีม่วงก็ใส่ด้วยกันได้ค่ะ ไม่มีปัญหาเลย
ส่งกำลังใจให้คนอื่นหน่อย
อยากให้รักตัวเองเข้าไว้ ไม่ต้องไปเก็บเอาคำพูดใครมาคิดให้เศร้า อยากให้มีความมั่นใจในตัวเอง เราสวยในแบบของเรา สวยด้วยทัศนคติและความมั่นใจ
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย Women MThai Team