สาเหตุความอ้วน อ้วน เล่นมือถือ เล่นมือถือขณะกิน

กินไป เล่นมือถือไป แคลอรี่เพิ่ม 15% นี่หรือเปล่าที่ทำให้คุณอ้วนขึ้นโดยไม่รู้ตัว?

ใครที่ชอบกินไป เล่นมือถือไป ระวังจะอ้วนไม่รู้ตัวนะ! การวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal Physiology And Behavior ระบุว่า การจดจ้องหน้าจอโทรศัพท์สามารถเบี่ยงเบนปริมาณอาหารจริงที่รับประทานเข้าไป ทำให้กินได้เยอะแบบไม่รู้ตัว ซึ่งอาจมากขึ้นถึง 15% เลยทีเดียว เพราะเราไม่ได้จดจ่อกับการกินเพียงอย่างเดียว…

Home / แฟชั่น / กินไป เล่นมือถือไป แคลอรี่เพิ่ม 15% นี่หรือเปล่าที่ทำให้คุณอ้วนขึ้นโดยไม่รู้ตัว?

ใครที่ชอบกินไป เล่นมือถือไป ระวังจะอ้วนไม่รู้ตัวนะ! การวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal Physiology And Behavior ระบุว่า การจดจ้องหน้าจอโทรศัพท์สามารถเบี่ยงเบนปริมาณอาหารจริงที่รับประทานเข้าไป ทำให้กินได้เยอะแบบไม่รู้ตัว ซึ่งอาจมากขึ้นถึง 15% เลยทีเดียว เพราะเราไม่ได้จดจ่อกับการกินเพียงอย่างเดียว เนื่องจากมีมือถือหรืองานเป็นตัวดึงสมาธิทั้งหมดของเราไป จึงทำให้อ้วนได้อย่างไม่รู้ตัว!!!!

สาเหตุความอ้วน

โดยนักวิจัยทำการทดลองจากกลุ่มตัวอย่างชายหญิงจำนวน 62 คน อายุระหว่าง 18 – 28 ปี เลือกอาหารที่จะกินเอง ซึ่งมีตั้งแต่อาหารเพื่อสุขภาพไปจนถึงอาหารทำลายสุขภาพ จากนั้นนักวิจัยจะบันทึกพฤติกรรมการกินของกลุ่มตัวอย่าง ใน 3 พฤติกรรมหลักคือ กินอาหารโดยไม่มีสิ่งเร้า กินโดยใช้สมาร์ทโฟน และกินขณะอ่านนิตยสาร

ผลปรากฎว่าโดยเฉลี่ยพวกเขากินเข้าไปประมาณ 535 แคลอรี่เมื่อไม่มีสิ่งรบกวน แต่ถ้าใช้สมาร์ทโฟนระหว่างกิน จะกินได้มากถึง 591 แคลอรี่ ซึ่งมากกว่าการกินขณะดูนิตยสารอีกด้วย

สาเหตุความอ้วน

ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่มีน้ำหนักเกิน ถ้ากินไปเล่นมือถือไปจะกินอาหารไปมากถึง 616 แคลอรี่ และยังบริโภคอาหารที่มีไขมันมากขึ้นถึง 10% ทั้งนี้เป็นเพราะการดูสมาร์ทโฟนระหว่างกินข้าว ทำให้เราไม่มีสมาธิในการ จึงทำให้เร็วขึ้นและกินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว แถมยังส่งผลต่อระบบการเผาผลาญ การทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ก็แย่ลงอีกด้วย

สรุปแล้วการใช้สมาร์ทโฟนในระหว่างรับประทานอาหารสามารถเพิ่มปริมาณแคลอรี่และไขมันได้อย่างน่าตกใจเลยทีเดียว เช่นเดียวกับการรับประทานอาหารขณะดูทีวี หรือหน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อผู้ที่อยู่ในวัยเด็กด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจให้มากขึ้น

คลิป > ท่าออกกำลังกาย แก้อาการปลายนิ้วชา สำหรับสาวออฟฟิศ By เมจิ อโณมา

ที่มา www.earth.com