อย่าประมาทว่าเคยผอมมาก่อน แล้วจะไม่มีทางอ้วน เพราะถ้าไม่รู้จักคุมอาหารและออกกำลังกาย สุดท้ายความอ้วนก็จะมาทักทายในที่สุด เหมือนอย่างที่ คุณกุ๊ก จันทรา เลิศวิลัย วัย 33 แม่ค้าออนไลน์ที่เคยเอ็นจอยกับของอร่อยมาหลายปี มารู้ตัวอีกทีก็อ้วนซะแล้ว และการลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองในครั้งนี้ เธอตั้งใจไว้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะจะไม่กลับไปอ้วนอีกแล้ว มาดูกันว่า 25 กก. ที่ลดไป ภายใน 1 ปี เธอทำได้ยังไง
พีคสุดในชีวิต 80 กก.
ก่อนลดน้ำหนัก กุ๊กทำธุรกิจอยู่กับบ้าน (ขายของออนไลน์) ชีวิตนั่งอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ แทบไม่ได้เดินไปไหนเลย นอนดึกมาก ตื่นสาย ทานข้าวไม่เป็นเวลา ไม่เคยออกกำลังกายเลย ไม่เลือกทานอาหาร และชอบกินของทอด ของมัน ของหวาน น้ำอัดลม กาแฟ เป็นชีวิตจิตใจ กินๆ นอนๆ นั่งหน้าคอมจนน้ำหนักมันขึ้นมาจนถึง 80.6 กก. เป็นจุดที่พีคสุดๆ อ้วนมากสุดในชีวิต
จุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก
1. จริงๆกุ๊กจะบอกว่าการที่กุ๊กอ้วนมีน้ำหนักถึง 80.6 กก. นั้น เกิดจากระบบเผาผลาญพังคะซึ่งเกิดจากการกินยาลดน้ำหนัก เมื่อก่อนไม่มีความรู้ รู้แต่ว่าเราต้องหาซื้อยาที่มันลดเร็วๆ ก็ซื้อมากินเป็น 10 ชนิดเลยค่ะ ยาอะไรที่ว่าดี ที่ว่าแรง กินมาหมดแล้วค่ะ สุดท้ายโยโย่! เพราะการกินยามันไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมเราเลย แต่มันไปกดประสาทเราไม่ให้เราหิว แล้วก็ทำให้กล้ามเนื้อเราสลายไปด้วย พอเรากลับมาทานอาหารเหมือนเดิมจึงทำให้เกิดภาวะโยโย่อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว กินน้อยยังอ้วนเลยคะ
2. อึดอัดกับการใส่เสื้อผ้า เริ่มหา Size ใส่ยากขึ้น บางตัวซื้อมาแล้วใส่ไม่ได้เจ็บใจมากกว่า บางทีเข้าไปเลือกเสื้อผ้าแม่ค้าจะบอกเลยว่าไม่มี Size น้องหรอกค่ะ อืม!!มันเจ็บแปล๊บๆ แต่ต้องกลั้นความรู้สึกเอาไว้
3. เริ่มมีความไม่มั่นใจในตนเอง ออกไปข้างนอกก็จะมีคนทักว่าอ้วนขึ้นไปทำอะไรมา จนไม่กล้าออกไปข้างนอกเลย ไม่กล้าพบปะเพื่อน เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไปเพราะกลัวว่าเราจะอ้วนคนเดียวในกลุ่ม มันเป็นปมด้อย
4. เริ่มมีอาการสุขภาพไม่ค่อยดี นอนกรน เวลานอนก็จะปวดเมื่อยตัว เพราะน้ำหนักตัวเยอะมาก จนไม่ไหวกับตัวเองเราจึงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ต้องหาวิธีสิ
ความยาก ความท้าทาย ปัญหาในระหว่างทาง
ความยากในการลดน้ำหนักคือเราจะต้องงดอาหารที่เราชอบ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆและฝืนตัวเองสุดๆ แต่เมื่อเรามีเป้าหมายว่าเราจะต้องหุ่นดีให้ได้ เราต้องทำได้สิ กุ๊กหักดิบเลย งดทั้งของหวาน ของมัน ของทอด กาแฟที่ชอบก็ไม่กินเลย แล้วก็เปลี่ยนมากินคลีน คุมอาหาร นึ่ง ต้ม ย่าง ผัดก็ไม่ใช้น้ำมัน(ใช้น้ำเปล่าผัดแทน) มันก็จะฝืนตัวเองในช่วง 2 สัปดาห์แรกเท่านั้นนะคะ พอผ่านไป เอ๊ะ!! เราเริ่มทำได้ เริ่มน้ำหนักลง สัดส่วนเราเริ่มเปลี่ยน เราก็จะมีกำลังใจทำต่อไปเรื่อยๆ เหมือนเรากำลังแข่งขันกับใจตัวเองอยู่ รู้สึกสนุกไปกับมัน เราจะทำมันได้นาน
คุมอาหารสัก 2-3 เดือน ก็มาเพิ่มการออกกำลังกาย เริ่มศึกษา เริ่มจากการคาร์ดิโอเดินลู่เบาๆ เริ่มเล่นเวทแบบงูๆ ปลาๆ ไม่มีเทรนเนอร์ อาศัยดูตามคลิปแล้วฝึกเอา แต่มันก็จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราเริ่มหลุดๆ ไปบ้าง ไม่ค่อยได้คุมอาหาร บางทีออกไปสังสรรค์ ออกไปเที่ยวอยากกินของอร่อย KFC บอนชอน หมูกระทะ เค้ก ฯลฯ ซึ่งช่วงนั้นแทบตบะแตก น้ำหนักเริ่มลงช้าเพราะกินของไม่ดี เริ่มนอยด์ หงุดหงิดกับตัวเอง ก็เลยเริ่มกลับมาตั้งใจใหม่ ตั้งสติใหม่ค่ะ แล้วก็พยายามคุมอาหารให้ได้มากที่สุด จะมีลิมิตกับตัวเองคือ กินของที่ไม่ดีได้แต่แค่เดือนละ 2-3 ครั้ง เท่านั้นนะ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างวินัยในตนเอง และทำให้เรากลับสู่เป้าหมายของเราได้อีกครั้งหนึ่งค่ะ
เป้าหมายที่อยากไปให้ถึงในตอนนี้
อยากสร้างกล้ามเนื้อให้ได้มากที่สุดและลดไขมันให้เหลือ 20% อยากลีนเพื่อที่จะได้เห็นร่อง 11 งามๆ
ฝากข้อคิดถึงคนที่กำลังลดความอ้วนอยู่ตอนนี้
ใครที่กำลังลดความอ้วน อยากให้ทุกคนตั้งใจและมีเป้าหมายที่ชัดเจน พยายามคุมอาหารและเลือกทานสิ่งที่มีประโยชน์ให้ได้มากที่สุด อาจจะมีหลุดบ้างในบางครั้ง แต่ก็อยากให้ทุกคนเรียกสติกลับมา คุมอาหารและออกกำลังกายในวันถัดไป อย่าพึ่งท้อ เพราะว่ากว่าจะอ้วนมากขนาดนี้มันก็ใช้เวลา และกว่าจะหุ่นดีได้มันก็ต้องใช้เวลาเช่นเดียวกัน อย่ารีบเร่งมากเกินไป ทำไปเรื่อยๆ ทำสม่ำเสมอ เป้าหมายที่เราวาดฝันไว้อยู่อีกไม่ไกล หาแรงบันดาลใจให้เยอะๆ เพราะการลดน้ำหนักครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของเรา แล้วเราจะไม่กลับไปอ้วนอีกต่อไป
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย Women MThai Team
บทความนี้ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้บนเว็บไซต์ MThai.com เท่านั้น
ติดตามแรงบันดาลใจได้ที่ kukberryskin