จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ ที่สามารถหาเงินได้จากสิ่งที่ตัวเองชอบ บางคนอาจจะมองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ หรือยากและเสี่ยงเกินไปที่จะทำอย่างนั้น แต่เธอคนนี้ทำได้ จ๊ะจ๋า-ภัทราพร ตันติวัตนะ สาวไทยวัย 23 สามารถก้าวข้ามกรอบชีวิตในรูปแบบเดิมๆ ออกมาได้ แถมตอนนี้ความสุขของเธอยังทำเงินให้มากมายอีกด้วย ไม่รอช้า รีบไปทำความรู้จักกับเธอคนนี้กันเถอะ
ย้อยวัยเด็ก ด.ญ.จ๋า เป็นคนยังไง
ถ้าเด็กมากๆช่วง 5-6 ขวบ จ๋าจะเป็นคนห้าวๆ หน่อย ชอบเล่นนอกบ้าน ชอบปั่นจักรยาน คือเป็นเด็กที่ไม่กลัวเลอะเลยค่ะ ซึ่งจะตรงข้ามกับพี่สาวจ๋า คนนั้นเค้าเรียบร้อยมาก
จนมาเรียนมัธยม คราวนี้ไม่ห้าวแล้วค่ะ เปลี่ยนเป็นผู้หญิงเต็มตัว แฟชั่นที่มีในตอนนั้นจ๋าทันหมด แล้วก็บ้าซื้อของมาก
เรียนหนักจนต้องเที่ยวเพื่อคลายเครียด
พอเข้ามหาวิทยาลัย จ๋าเรียน คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคอุตสาหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเครียดมาก กดดันสุดๆ เพราะเพื่อนเรียนเก่งกันหมด จำได้ว่าช่วงนั้นอ่านหนังสืออย่างเดียว พอเราสุดกับการเรียนมากๆ แล้วก็อยากจะเอาตัวเองออกไปจากความเครียดตรงนั้น มีเวลาว่างแค่ 3 วันก็จะไปเที่ยวให้ได้
ปกติที่บ้านจ๋าจะเที่ยวกันทุกปีอยู่แล้วค่ะ แล้วจะเที่ยวกันเองด้วย ไม่ง้อทัวร์ โดยเฉพาะคุณพ่อ ชอบขับรถมาก เวลาไปต่างประเทศก็จะเช่ารถขับไปเที่ยวกันตลอด แต่ตอนนั้นก็ยังไปเที่ยวตามแลนด์มาร์คที่ดังๆ ไม่ได้เที่ยวผจญภัยอะไรมากค่ะ เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ เลย
ความบังเอิญ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเที่ยวแบบเอ็กซ์ตรีม
ช่วงปลายปี 2014 คุณพ่อมาถามว่าปีนี้จะไปเที่ยวกันที่ไหนดี จ๋าก็ไม่มีไอเดีย แต่ไม่รู้อะไรดลใจ วันหนึ่งจ๋าก็ไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งในอินสตาแกรม เค้าไปว่ายน้ำกับฉลาม แล้วจ๋าสนใจมาก เลยอีเมลไปหา ซึ่งเค้าทำธุรกิจอยู่ที่ฮาวาย ก็ชวนเราไปเที่ยวที่นั่น เดี๋ยวเค้าจะจัดการพาเที่ยวให้ เลยตัดสินใจจองทริปไปฮาวายกัน ก็ไปทั้งบ้านค่ะ พ่อ แม่ พี่สาว แล้วก็จ๋า
แต่ด้วยความที่รสนิยมการเที่ยวของเราในตอนนั้นยังไม่มีใครกล้าจะเอ็กซ์ตรีม เลยแยกย้ายกันไปเที่ยว พ่อกับแม่ก็ไปขับรถเที่ยว พี่สาวก็ไปช้อปปิ้ง นั่งคาเฟ่ ส่วนจ๋าก็ไปว่ายน้ำกับฉลาม จำได้ว่าตอนนั้นจ๋ายังเป็นสาวแฟชั่นสุดโต่ง ลากชุดราตรียาวไปเลย จินตนาการว่าจะมีเรือครูซใหญ่ๆมารับ แต่ผิดคาด เรือที่มารับกลับเป็นแค่เรือสปีดโบ๊ทธรรมดาๆ คนที่พาเที่ยวเค้าก็งงๆ กับชุดเรา (หัวเราะ)
ความรู้สึกแรกที่ได้ไปว่ายน้ำกับฉลาม
คือต้องบอกก่อนว่า จ๋าบ้าซื้อของ บ้าแฟชั่นมาก ความสุขที่ทำให้จ๋ารู้สึกว้าวได้ ก็จะเป็นตอนซื้อกระเป๋าใบใหม่ หรือซื้อเสื้อผ้าคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด แต่วินาทีที่จ๋าได้ลงน้ำและเห็นฉลามมาว่ายอยู่รอบตัวคือ มันยิ่งกว่าตอนเราได้กระเป๋าใบใหม่อีกค่ะ มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก ถามตัวเองว่าเราสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้ขนาดนี้เลยหรอเนี้ย
ทีนี้ก็เกิดติดใจ แพลนเที่ยวในเมืองของจ๋าที่วางเอาไว้ก็เปลี่ยนใหม่หมด จ๋าตัดสินใจเหมาเฮลิคอปเตอร์แบบถอดประตู แล้วก็ชวนพี่สาวไปด้วย ซึ่งจ๋าแฮปปี้มาก แต่พี่สาวจ๋าส่ายหัวไม่ชอบเลย (หัวเราะ) แล้วก็มีกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมอีกหลายอย่างมากๆ จนปิดทริปวันสุดท้ายด้วยการเดินป่า แล้วหลังจากทริปนี้ จ๋าก็เปลี่ยนความคิดเลยค่ะ!
2015 จุดเปลี่ยนของผู้หญิงที่ชื่อ จ๋า
จ๋าเป็นคนสุดโต่ง ช่วงที่จ๋าบ้าแฟชั่น จ๋าก็ไปสุด พอเราติดใจและแฮปปี้กับการเที่ยวแบบเอ็กซ์ตรีม จ๋าก็เปลี่ยนตัวเองแบบสุดโต่งเช่นกันค่ะ จากคนที่เคยกลัวแดด ไว้เล็บยาว ก็ไปลงเรียนดำน้ำ ตอนนั้นไปเรียนคนเดียว ไปสอบจนได้ license แล้วก็ออกทริปบาหลีเลยค่ะ ซึ่งทริปนี้บอกเลยว่าฟินมาก ได้เจอแมนต้าเรย์ (ปลากระเบนยักษ์) เป็นสิบตัว น่ารักมาก ว่ายน้ำช้าๆ อยู่ข้างเราเลย
รับสอนพิเศษหาเงินไปเที่ยว
ช่วงนั้นเริ่มมีกิเลสมากขึ้นเรื่อยๆ จ๋าอยากเที่ยว แล้วก็อยากได้อุปกรณ์อีกมากมาย ซึ่งมันก็ใช้เงินเยอะพอสมควร ถึงแม้ว่าจะขอพ่อแม่ได้ แต่จ๋าไม่ทำ จ๋าเลือกที่จะหาเงินเอง ตอนนั้นเรียนเสร็จก็ไปรับจ้างสอนพิเศษ เป็นข้อสอบสำหรับเด็กนานาชาติ เก็บเงินจนซื้อโดรน และก็ไปออกทริปดำน้ำที่มาเลเซียอีก 5 วัน
จู่ๆ ก็คิดถึงฮาวาย พอมีเวลาว่างช่วงปิดเทอม จ๋าก็จองตั๋วไปฮาวายเลย 1 เดือนเต็มๆ เป็นครั้งแรกที่ได้ขับรถที่ต่างประเทศเอง แล้วก็เที่ยวทุกเกาะในฮาวาย จำได้ว่าไปเล่น Skydiving จ๋ามีความสุขมากจนร้องไห้ออกมาเลย มันสนุกสุดขีดจริงๆ เราอยู่ข้างบน เราได้เห็นวิวสวยๆ ได้เห็นปลาโลมากระโดดไปมา เหมือนฝันมาก
ยอมทิ้งเกียรตินิยม เพื่อได้มีเวลาเที่ยวเต็มที่
พอกลับมาจากฮาวาย จ๋าไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนแล้ว ตอนนั้นยอมสละเกียรตินิยม เรียนให้ได้ประมาณ 3 กว่าก็โอเคแล้ว เพื่อที่จะได้มีเวลาไปเที่ยวได้เยอะขึ้น ตอนนั้นใกล้ๆ ต่างจังหวัดก็ขับรถไปเที่ยวเองตลอด จนเรียนจบปริญญาตรี เหมือนปลดแอกมาก
อากงก็เรียกไปให้เงินขวัญถุงไปซื้อรถในฐานะที่เราเรียนจบ แต่จ๋าเอาเงินตรงนั้นไปเรียน Skydiving แล้วก็ออกทริปไปประเทศในฝัน ซึ่งก็คือนอร์เวย์กับไอซ์แลนด์ ตอนนั้นเริ่มเรียนรู้เรื่องการใช้กล้อง รูปก็เริ่มอลังการแล้ว และไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรืออะไร ช่างภาพที่จ๋าตามเค้าอยู่ในอินสตาแกรม ก็โพสต์เปิดรับโฟโต้ทริป จำกัดแค่ 5- 6 คนเท่านั้น ซึ่งวันและเวลาที่เปิดสอน จ๋าว่างพอดี เลยทุ่มเงินไปเรียนกับเค้าทันที บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ จ๋าได้ความรู้ใหม่และเพื่อนใหม่ เหมือนเปิดโลกให้เราได้เห็นอีกหนึ่งสเต็ป ในมุมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
เริ่มจัดโฟโต้ทริปเองบ้าง
หลังจากที่รับปริญญาไปแล้ว จ๋าก็ตัดสินใจ เปิดรับโฟโต้ทริป ซึ่งก็มีเงื่อนไขแบบเดียวกับที่ไปเรียนมา คือรับแค่ 5-6 คน และต้องมีการคัดลูกค้า ให้ทำข้อสอบ เพื่อให้เราได้ลูกค้าที่มีความต้องการและใจรักเหมือนกับเราจริงๆ ที่สำคัญต้องมีสุขภาพแข็งแรง
จุดขายของจ๋าคือเรื่องข้อมูล สถานที่ที่เราจะพาลูกค้าไป แทบจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก เป็นที่ที่คนไปน้อยมาก จ๋าจะสอนให้หมด ตั้งแต่การเลือกวางมุมกล้อง เทคนิคการถ่ายภาพ รวมไปถึงสอนการแต่งรูปด้วยโปรแกรม lightroom กับ photoshop เพื่อให้ภาพออกมาสวย ดูดีมากที่สุด ตอนนี้ก็เปิดรับเดือนเว้นเดือน ช่วงที่เว้นไปจากการสอนก็จะออกทริปไปเที่ยวเอง
ถึงจะเที่ยวคนเดียวแต่ก็ระวังตัวเป็นอย่างดี
ที่บ้านจะไว้ใจให้จ๋าไปเที่ยวเองคนเดียว เพราะจ๋าจะเป็นคนที่ข้อมูลเยอะมาก เราจะไม่เอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เสี่ยงอันตรายเด็ดขาด สิ่งสำคัญคือจ๋าไม่กินเหล้า ชีวิตนี้ไม่เคยเมา เวลาไปเที่ยวเราต้องมีสติตลอดเวลา รอบคอบ คอยระวังตัว ไม่กลับโรงแรมดึก ก่อนจะนอนจ๋าจะเช็กประตู หน้าต่างทุกจุด ลองแงะ ลองไขดูก่อน จนมั่นใจว่าปลอดภัยถึงจะนอนได้ พอเราดูแลตัวเองดี ผลที่ออกมาคือ จ๋าไม่เคยของหายเลย
โสดสนิท ไม่คาดหวังกับความรัก
จ๋ายังไม่มีแฟนค่ะ ด้วยความที่เป็นคนมีเพื่อนผู้ชายเยอะ เวลาที่เจอผู้ชายก็จะให้ความรู้สึกเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกับทุกคนไปหมด เลยไม่มีใจเผื่อจะให้มาคิดสานต่อความสัมพันธ์ แต่หลักๆ ที่พอจะรู้ตัวเองดี ก็คือเรื่องการดูแลตัวเอง ชอบทำอะไรเอง คนที่มาจีบก็ไปไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าจะเอาจังหวะไหนมาเทคแคร์เรา คือเราจัดการอะไรเองได้หมดเลย อีกอย่างจ๋าไม่ได้คาดหวังกับความรักเท่าไหร่ สิ่งที่จ๋าอยากจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องความรัก แต่เป็นเรื่องงานและเงิน จ๋าอยากเป็นคนเก่ง หาเงินได้เยอะๆ ชีวิตนี้ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก ก็อยู่ได้ แฮปปี้!
แพลนในอนาคตที่ตั้งใจไว้
หลักๆ ก็อยากจะพัฒนาโฟโต้ทริปให้มีความแปลกใหม่มากขึ้น แล้วก็เล็งเอาไว้ว่าจะทำกระเป๋าเป้ออกมาขาย นอกจากนี้ที่คุยกับพี่สาวไว้ก็เป็นเรื่องของการขายคอร์สแต่งภาพออนไลน์ ด้วยโปรแกรม lightroom
ฝากถึงคนที่ยกให้เราเป็นไอดอล และอยากเที่ยวเหมือนเรา
จ๋าพูดกับทุกคนเสมอค่ะ การไปเที่ยวไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะ จ๋าเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องบ่มเพาะตัวเองมานานเป็นปี เราค่อยๆทำ ค่อยๆสะสมประสบการณ์ คนดังหลายคนที่ประสบความสำเร็จ มีเบื้องหลังกันหมดทุกคน เพียงแต่เค้าไม่ได้ออกมาพูดทั้งหมด ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งไหนที่เราจะชอบ หรืออยากค้นพบอะไรสักอย่าง ต้องเกิดจากการลอง ที่สำคัญอย่าหยุดพัฒนา อย่าคิดว่าเราดีแล้ว แต่ให้คิดว่าต้องดีได้อีก!
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่ jajatanti
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย : Women MThai Team
รูปภาพจาก : jajatanti
อีกหนึ่งสาวไทยที่ชอบเที่ยวไม่แพ้กัน >>> Happy Nancy