ปัจจุบันนี้ค่ายรถหลายๆ ค่าย ต่างก็แข่งขันกันพัฒนาในเรื่องของยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV (Electric Vehicle) ทำให้เราได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน แต่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้มุ่งแเป้าไปที่รถยนต์ใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่ยังต่อยอดไปถึงวงการมอเตอร์สปอร์ต อย่างการแข่งขัน Formula E อีกด้วย
Formula E ถูกเรียกว่าเป็นรายการประลองความเร็วที่อินเทรนด์และลำสมัยสุดๆ เพราะเป็นการแข่งรถฟอร์มูล่าสายพันธุ์ใหม่ ที่นำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์จึงเป็นการแข่งขันแบบไร้มลพิษ ไม่ปล่อยควันเสียและปลอดเสียงรบกวน ดังนั้นจึงสามารถรจัดการแข่งขันใจกลางเมืองได้สบายๆ เป็นไฮไลท์ที่ดึงดูดผู้ที่สนใจเข้าดูเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เช่น ที่ผ่านมาเคยจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กรุงโรม ประเทศอิตาลี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และครั้งล่าสุดที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
การแข่งขัน Formula E เริ่มต้นจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2014 ซึ่งปัจจุบันการแข่งขันนี้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ABB FIA Formula E Championship โดยมี BMW i ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ตั้งแต่ปีแรกในฐานะผู้นำแห่งนวัตกรรมรถไฟฟ้า และเป็น ‘Official Vehicle Partner’ ในครั้งแรกนั้น BMW i8 ถูกเลือกให้เป็นเซฟตี้ คาร์ และล่าสุดซีซั่นที่ 6 BMW i8 Coupé ถูกเลือกเป็นเซฟตี้ คาร์ประจำการแข่งขันและเป็นรถนำขบวน
สิ่งถือเป็นความแปลกใหม่ของการแข่งขัน Formula E คือการเชื่อมโยงเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน หนึ่งในระบบที่น่าสนใจนั้นคือ ‘แฟนบูสต์’ (FANBOOST) ซึ่งระหว่างการแข่งขัน รถแข่ง Formula E ในสนามจะถูกจำกัดให้มีแรงม้าเพียงแค่ 200 แรงม้าเท่านั้น แต่ระบบแฟนบูสต์จะเปิดโอกาสให้แฟนๆ มีส่วนร่วมในการแข่งขัน โดยสามารถโหวตให้นักแข่งที่ชื่นชอบผ่านเว็บไซต์ก่อนวันแข่งประมาณ 2 สัปดาห์ และนักแข่งที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด 3 คนแรก จะได้รับอนุญาตให้ใช้พลังงานเพื่อเพิ่มความเร็วได้อีก ระบบนี้ทำให้การแข่งขันไม่สามารถคาดเดาผู้ชนะได้ ถือเป็นเสน่ห์และความสนุกให้การแข่งขันตื่นเต้นเร้าใจขึ้นไปอีก
โดยการแข่งขันรอบเดือนสิงหาคม ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ทีมแข่ง Formula E ของ BMW Motorsport ที่มีชื่อว่า BMW i Andretti Motorsport ใช้ BMW iFE.20 รถไฟฟ้าสุดล้ำลงแข่ง โดยได้ Maximilian Günther นักขับหนุ่มสัญชาติเยอรมัน วัย 23 ปี แห่งทีม BMW i Andretti Motorsport คว้าแชมป์สนามนี้ไป โดยเขาตั้งใจขับตามหลังเป็นอันดับที่สองเพื่อประหยัดพลังงานให้มากที่สุด ก่อนจะฉีกแซงเข้าเส้นชัยก่อนคู่แข่งไปด้วยเวลาเพียง 0.128 วินาที สร้างสถิติชนะอย่างฉิวเฉียดที่สุดในประวัติศาสตร์รายการนี้ไปครอง