นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว Nissan Kicks e-POWER คอมแพ็คเอสยูวีดีไซน์ทันสมัยพร้อมขุมพลัง e-POWER ซึ่งได้รับการเปิดตัวเป็นที่แรกของโลก ณ ประเทศไทย ที่จะเปิดประสบการณ์ขับขี่คอมแพ็คเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ ดีไซน์โดดเด่น ทันสมัย ครบครันทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย พร้อมเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในราคาเริ่มต้น 889,000 บาท
Nissan Kicks e-POWER มาพร้อมเทคโนโลยี e-POWER ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ประกอบไปด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า EM57, Generator และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า ผสานด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ แถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) ความจุ 1.2 ลิตร สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า และสนับสนุนกำลังขับเคลื่อนในบางโหมด
โดยมอบสมรรถนะสูงสุด 95 กิโลวัตต์ (129 แรงม้า) ที่ 3,008 – 10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 3,008 รอบ/นาที ประกอบกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง จำนวน 4 โมดูล ซึ่งเทคโนโลยีขุมพลังจากนิสสันนี้จะช่วยให้อัตราเร่งที่ดี ขับขี่เงียบ ก่อมลพิษต่ำ รวมถึงยังมอบระยะทางในการขับขี่ที่ไกลขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งระบบชาร์จไฟจากข้างนอก
เพื่อมอบประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้น ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ One-Pedal ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเร่ง ชะลอความเร็ว และเบรก ได้ด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียว ช่วยให้สามารถรักษาระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้าได้เป็นอย่างดี และช่วยให้ควบคุมรถง่ายขึ้นกว่าเดิม ควบคู่กับโหมดขับขี่ที่สามารถเลือกได้ตามสถานการณ์การขับขี่ อาทิ
- Normal Mode : เป็นโหมดขับขี่ธรรมดา เน้นกำลังจากเครื่องยนต์ ที่ให้อัตราเร่งและการเบรกที่เหมาะสมสำหรับขับขี่ในเมือง
- Smart Mode : เพิ่มประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและหยุดรถได้ดีกว่า Normal Mode
- Eco Mode : โหมดที่ช่วยลดการใช้น้ำมันให้น้อยลง เน้นการใช้กำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ที่มากกว่าเดิม เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่มากขึ้น
- EV Mode : เป็นโหมดที่จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100% จนกว่าพลังงานในแบตเตอรี่จะน้อยลงเพื่อเปลี่ยนไปสู่โหมดใช้น้ำมันแทน
ผสานด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Nissan Intelligent Mobility ที่ประกอบไปด้วย 14 ระบบความปลอดภัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control)
- ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning)
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking)
- ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning system)
- ระบบเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor)
- ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection)
- กระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror)
เป็นต้น ควบคู่กับระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (Anti-lock Braking System), ระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake Force Distribution System), ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist), ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Vehicle Dynamic Control), ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist), ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด เป็นต้น
Nissan Kicks e-POWER คอมแพ็คเอสยูวีสไตล์ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการรอบด้าน เริ่มจากบุคลิกภายนอกสะท้อนสไตล์สปอร์ต ดูดีมีระดับ ด้วยกระจังหน้า V-Motion สีดำเงา-โครเมียม รองรับกับชุดโคมไฟหน้า All-LED พร้อมฟังก์ชั่น Follow-me-home, ไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรง เพิ่มความโดดเด่นด้วยราวหลังคาสีเงิน ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
ห้องโดยสาร 4 ที่นั่งที่มีโทนสีดำ และสีส้มอิฐ, เบาะและวัสดุตกแต่งภายในหุ้มหนัง สำหรับออพชั่นภายในที่น่าสนใจ ได้แก่ มาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT จอสี ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว AVI รองรับการเชื่อมต่อ Nissan Connect และ Apple CarPlay, ปุ่ม Push Start, เบรกมือไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ช่องเก็บของอเนกประสงค์, เบาะแถวสองพับแบบ 40:60 เป็นต้น
Nissan Kicks e-POWER มีสีตัวถัง 2 แบบ ได้แก่ สีทูโทนสำหรับรุ่น VL ที่จะมาพร้อมกับหลังคาสีดำเงาอันโดดเด่น และสีตัวถังให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange), สีแดง เรเดียนท์ (Radiant Red), สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic) และสีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White)
กับสีโมโนโทน 6 สี ประกอบไปด้วย สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star), สีขาว สตอร์ม ไวท์ (Storm White), สีแดง เรเดียนท์ เรด (Radiant Red), สีเทา กัน เมทาลิค (Gun Metallic), สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver) และสีส้ม โมนาร์ช (Monarch Orange)
Nissan Kicks e-POWER พร้อมให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยมีให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่นย่อย ดังนี้ รุ่น S ราคา 889,000 บาท / รุ่น E ราคา 949,000 บาท / รุ่น V ราคา 999,000 บาท และรุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี, รับประกันระบบไฟฟ้า 5 ปี และการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (ระยะใดถึงก่อน) โดยจะเริ่มส่งมอบอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป