เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ได้ประชุมหารือสมาคมอุตสาหกรรมยานยต์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ค่ายรถยนต์ทั่วประเทศ และสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว รวมถึงผู้ประกอบการสินเชื่อธุรกิจรถยนต์(ลิสซิ่ง) เพื่อเสนอแผนกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงวิกฤติการระบาดไวรัสโควิด-19 โดยทางกรมสรรพสามิตร ประกาศไม่ลดภาษีรถยนต์ 50% ทางด้าน ส.อ.ท. ยังคงเดินหน้านำเสนอแผนการกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์แก่นายกรัฐมนตรีต่อไป
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า “การลดภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์จำนวนกว่า 50% ไม่ใช่แนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ เพราะภาษีสรรพสามิตไม่ใช่ตัวเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน แต่การลดภาษีกลับจะเป็นผลลบในด้านการแทรกแซงด้วยซ้ำ เพราะขณะที่เศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้นกำลังซื้อเริ่มกลับมา การไปแทรกแซงกลไกโดยไม่จำเป็นไม่ได้เป็นผลดีในระยะยาว อาทิ รถกระบะ 1 คัน ลดราคาไปเพียง 2,000 บาท ส่วนรถอีโคคาร์ลดไป 30,000 บาทต่อคันเท่านั้น แต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีการชะลอการซื้อรถยนต์ลงทั้งหมด ทำให้ตลาดหยุดชะงัก จึงมองว่าไม่ได้เป็นผลดี ซึ่งผู้ซื้อไม่ต้องรอลดภาษีให้ซื้อได้เลย”
ส่วนข้อเสนอที่ 2 อย่างการจัดแคมเปญนำรถยนต์เก่าแลกรถยนต์ใหม่ พร้อมให้รัฐบาลสนับสนุนคันละ 1 แสนบาท และข้อเสนอที่ 3 อย่างการขยายเวลาปรับมาตรฐานมลพิษทั้ง Euro 5 และ Euro 6 ออกไป เพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศนั้นได้มองว่านโยบายดังกล่าวมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งข้อเสนอ 2 และ 3 จะนำไปหารือกับนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายภิญโญ ธนวัชรภรณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เห็นด้วยที่กรมสรรพสามิตไม่ลดภาษีรถยนต์ 50% ในครั้งนี้ แม้การลดภาษีดังกล่าวจะส่งผลต่อการกระตุ้นซื้อรถยนต์ใหม่ แต่จะส่งผลกต่อรถยนต์ที่ใช้แล้วที่อยู่ในระบบกว่า 17 ล้านคัน ได้รับผลกระทบในด้านต่าง ๆ ส่งผลทำให้รถมือสองขายทอดตลาดได้ยากขึ้น ราคารถตกลงอย่างมาก และส่งผลต่อทางด้านจิตวิทยาของผู้ซื้อด้วย
ทางด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธาน ส.อ.ท. และตัวแทนสมาคมอุตสาหกรรมยานยนตไทย์ กล่าวว่า “เร็วๆ นี้ ทาง ส.อ.ท. จะร่วมกับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ในการยื่นข้อเสนอแนวทางขอความช่วยเหลือแก่นายกรัฐมนตรีพิจารณา เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ยอดขายลดลงอย่างมาก และคาดว่ายอดการผลิตทั้งปีจะปรับตัวลดลงกว่า 50% หรือจากเดิมคาดว่าจะผลิตได้ 1 ล้านคัน เหลือไม่ถึง 5 แสนคัน จะส่งผลกระทบต่อภาคแรงงานที่เกี่ยวเนื่องกว่า 7 แสนคน”
เครดิตข้อมูลและภาพประกอบจาก สถานีข่าวกระทรวงการคลัง : Ministry of Finance News Station
และ freepik.com