คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 75% จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดทั้งฝ่ามือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้ใช้รถเองต่างก็มองหาแอลกอฮอล์มาเช็ดทำความสะอาดรถเพื่อความสะดวกรวดเร็ว กลิ่นไม่ฉุนมาก และฆ่าเชื้ออยู่หมัด แต่หลาย ๆ คนก็มีความกังวลว่าการใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดชิ้นส่วนรถ นอกจากจะฆ่าเชื้อโรคแล้ว ยังส่งผลต่อความเสียหายของชิ้นส่วนรถหรือไม่ วันนี้จะมาไขคำตอบให้กระจ่างกัน
ก่อนอื่นต้องรู้จักกับตัวแอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดแต่ปลอดภัย มีทั้งเอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol หรือเอทานอล) กับ Isopropyl Alcohol หรือ IPA ทั้งสองตัวจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ชะล้างคราบมัน ระเหยที่รวดเร็วไม่ทิ้งคราบ จึงเหมาะสำหรับการทำความสะอาดพื้นผิวต่าง ๆ และทำความอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่เอทิลแอลกอฮอล์จะสร้างความระคายเคืองแก่ผิวที่น้อยกว่า IPA จึงขอโฟกัสไปที่เอทิลแอลกอฮอล์ที่สามารถหาซื้อได้ทั่ว ๆ ไป
แม้เอทานอลจะล้างคราบไขมัน แต่ไม่ส่งผลต่อการทำละลายสี หรือมีผลต่อวัสดุมากนัก จึงสามารถใช้เอทานอลในการทำความสะอาดชิ้นส่วนหรือพื้นผิวรถได้ แต่การจะฉีด หรือราดไปตรง ๆ ค่อนข้างจะสิ้นเปลืองทีเดียว ทางที่ดีที่สุดคือการฉีดหรือชุบแอลกอฮอล์ลงในผ้าไมโครไฟเบอร์ แล้วเช็ดไปตามอุปกรณ์ที่สัมผัสตัวรถอยู่บ่อย ๆ เช่น ปุ่มแผงคอนโซลต่าง ๆ แป้นปุ่มระบบปรับอากาศ, ที่เปิดประตูรถ, แป้นปรับเบาะต่าง ๆ ที่เสียบ-ที่ล็อก-สายเข็มขัดนิรภัย, กุญแจรถ เป็นต้น
ในกรณีที่เป็นวัสดุหนัง หรือวัสดุที่เคลือบแว็กซ์ เช่น พวงมาลัยหุ้มหนัง, หัวเกียร์, เบรกมือ, เบาะหนัง, แผงคอนโซลหุ้มหนัง, แผงข้าง จะต้องระมัดระวังการใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพราะสามารถชะล้างไขมันที่เคลือบผิวออกไปด้วยทำให้วัสดุแห้ง หรือสีซีดได้ ในกรณีนี้ควรใช้น้ำผสมสบู่ธรรมดาจะดีต่อผิวมากกว่า ส่วนวัสดุที่ทำจากยูรีเทน สามารถใช้ได้ทั้งแอลกอฮอล์หรือน้ำสบู่
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ห้ามนำแอลกอฮอล์ทิ้งไว้ในรถ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้หากทำหกเลอะเทอะหรืออยู่ในรถที่จอดกลางแจ้ง ควรใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ที่สามารถพกใส่กระเป๋าได้ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
ด้วยข้อสรุปดังกล่าว การใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดนั้นควรใช้ในกรณีที่เร่งด่วน วัสดุที่ไม่มีหนังเป็นส่วนประกอบ หรือทำความสะอาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น พวกปุ่มกดต่าง ๆ กับจอสัมผัส จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
ส่วนในกรณีที่ใช้เจลแอลกอฮอล์มาล้างมือก่อนจับพวงมาลัยจะมีผลต่อชิ้นส่วนรถหรือไม่ คำตอบคือไม่มีผลต่อความเสียหายของรถ เนื่องจากหลังจากล้างมือด้วยเจลแล้วจะระเหยไวมากจนแห้งสนิท อย่างมากก็แค่กลิ่นที่เติมแต่งในเจลไปติดชิ้นส่วนในรถก็เท่านั้น
สุดท้ายนี้ เพื่อความอุ่นใจในการขจัดไวรัสโควิด-19 ออกจากภายในรถ หมั่นล้างมือหรือใช้เจลล้างมือในการทำความสะอาดฝ่ามือทุกครั้งก่อนขึ้นรถ, ซักล้างพรมปูพื้น, เปิดหน้าต่างรถชั่วคราวเพื่อฆ่าเชื้อ (ไม่ควรเปิดหน้าต่างกลางที่สาธารณะโดยไม่มีใครอยู่ในรถ) หรือหากมีเวลาก็อย่าลืมพาไปล้างทำความสะอาดรถที่ศูนย์บริการ ซึ่งในเวลานี้ศูนย์บริการรถยนต์หลายแห่งได้จัดเตรียมโปรแกรมทำความสะอาดฆ่าเชื้อไวรัสในรถแบบครบครันแล้ว
เครดิตข้อมูลโดย worldofchemicals.com, liquor.or.th, carwashcountry.com และภาพประกอบโดย freepik.com