BMW

งาน CES 2020 ปลุกกระแสยนตกรรมแห่งอนาคต ที่ไปไกลกว่าการประหยัดน้ำมัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้เห็นเทคโนโลยีสุดล้ำถูกรีดอัดเข้าไว้ในยนตกรรมที่ขับเคลื่อนบนท้องถนน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบไร้คนขับ แต่ล่าสุดในนงาน CES 2020 ประเด็น future of mobility ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงเป็นอย่างมาก ทำให้แนวคิดเรื่องรถยนต์แห่งอนาคตกำลังจะเข้าสู่ยุคสมัยที่สัมผัสได้จริง งาน CES…

Home / AUTO / งาน CES 2020 ปลุกกระแสยนตกรรมแห่งอนาคต ที่ไปไกลกว่าการประหยัดน้ำมัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้เห็นเทคโนโลยีสุดล้ำถูกรีดอัดเข้าไว้ในยนตกรรมที่ขับเคลื่อนบนท้องถนน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแบบไร้คนขับ แต่ล่าสุดในนงาน CES 2020 ประเด็น future of mobility ได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงเป็นอย่างมาก ทำให้แนวคิดเรื่องรถยนต์แห่งอนาคตกำลังจะเข้าสู่ยุคสมัยที่สัมผัสได้จริง

งาน CES 2020 หรือ Consumer Electronics Show 2020 ถูกจัดขึ้นที่ Las Vegus ในรัฐ Nevada เมื่อวันที่ 7-10 มกราคม ที่ผ่านมา เป็นงานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก ที่รวมเอาเทรนด์เทคโนโลยีสุดล้ำที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ อีกทั้งเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์มากมาย ที่ BMW นำเสนอ ผ่าน 4 จิ๊กซอว์ชิ้นใหญ่ที่สุดของการพัฒนารถแห่งอนาคตทั้งเรื่องความสบาย ความฉลาด ความปลอดภัย และการเชื่อมต่อ

จิ๊กซอว์ชิ้นที่ 1
สบายเหมือนอยู่ในห้องนั่งเล่น

เมื่อ “ความสบาย” คือจิ๊กซอว์ชิ้นแรก BMW จึงนำเสนอแนวคิดนี้ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมผ่าน BMW i3 Urban Suite ซึ่งจากเดิมที่เคยนั่งได้ 4-5 คน ถูกปรับโฉมใหม่ให้นั่งได้เพียง 2 คนเท่านั้น เมื่อพื้นที่เพิ่มขึ้นความสบายก็เพิ่มขึ้น เพื่อผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถมีพื้นที่ให้ความสบายได้อย่างเต็มที่ สามารถกดปุ่มเลื่อนเบาะวางเท้าเพื่อความสบาย เหมือนนั่งเล่นพักผ่อนอยู่ในห้อง และไม่ว่าจะต้องนั่งรถนานเท่าใดก็ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อถึงจุดหมาย

ในส่วนที่นั่งด้านหลังทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่างสำหรับวางสิ่งของ ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ กระเป๋า รวมถึงเสื้อสูทที่สามารถแขวนไว้ได้ ส่วนด้านบนของที่นั่งมีหน้าจอที่ผู้โดยสารสามารถกดให้หน้าจอพับลงมา เพื่อรับชมความบันเทิงได้สบายตา ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ Amazon Fire TV รวมถึงสามารถ mirror หน้าจอของโทรศัพท์มือถือมารับชมภาพยนตร์บนจอใหญ่ได้ผ่านระบบไร้สาย ตัวรถรองรับซิมการ์ดเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 5G เป็นคอนเซ็ปต์ที่คอนเฟิร์มได้ว่าในอนาคตอันใกล้ การเดินทางโดยรถยนต์จะเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายมากๆ

จิ๊กซอว์ชิ้นที่ 2
ฉลาด คุยสนุก รู้ใจ

“ความฉลาด” ถูกสะท้อนผ่านนวัตกรรม BMW i Interaction EASE ซึ่งมีจุดเด่นคือการตอกย้ำถึงศักยภาพของระบบที่ใช้งานง่าย และการปฏิสัมพันธ์จากระบบขับขี่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมนุษย์กำลังคุยกันอยู่ ซึ่งความล้ำสมัยอยู่ที่ระบบตรวจจับการจ้องมองของปัญญาประดิษฐ์ เมื่อผู้โดยสารเบือนสายตาจ้องมองวัตถุที่อยู่นอกรถ ทำให้ระบบสามารถให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้โดยสารได้แบบเรียลไทม์ และยังมีวิธีที่หลากหลายในการโต้ตอบกับผู้โดยสาร ซึ่ง BMW เรียกปฏิสัมพันธ์ลักษณะนี้ว่า natural interaction โดยยืนยันว่าการโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติในรถแห่งอนาคตกำลังจะเข้าสู่พัฒนาการขั้นต่อไปอย่างเป็นทางการ

จิ๊กซอว์ชิ้นที่ 3
ความปลอดภัยที่ไร้น้ำหนัก

BMW X7 ZeroG Lounger คือตัวแทนของ “ความปลอดภัย” ซึ่ง ZeroG ย่อมาจาก Zero Gravity เพื่อสื่อถึงภาวะไร้แรงโน้มถ่วงบนความปลอดภัยพิเศษที่มาครบทั้งการย้ายตำแหน่งเข็มขัดนิรภัยจากการติดที่ผนังห้องโดยสารมาไว้ที่เก้าอี้ รวมถึงการฝังถุงลมนิรภัยในที่นั่ง เพื่อหากเกิดอุบัติเหตุถุงลมนิรภัยจะล้อมตัวผู้โดยสารไว้ได้เกือบทุกส่วน

แต่ BMW X7 ZeroG Lounger ไม่ได้มีดีแค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้น แต่เด่นเรื่องการทำให้ผู้โดยสารรู้สึกว่าไม่มีน้ำหนักตัว หากปรับตำแหน่งได้ถูกต้องจะเหมือนลอยอยู่ในอวกาศ เคล็ดลับคือการปรับเอนที่ออกแบบให้ขาผู้โดยสารลอยจากพื้น ทำให้ผู้นั่งรู้สึกว่าไม่มีน้ำหนัก และไม่ถูกดึงดูดด้วยแรงโน้มถ่วงโลก สมชื่อ Zero Gravity เพราะ BMW X7 ZeroG Lounger ออกแบบมาให้เน้นความสบายได้เหมือนกับการนอนอยู่บนโซฟาที่บ้าน ซึ่งหากปรับเอนตำแหน่งนอน เก้าอี้จะกินพื้นที่แบบเต็ม 100%

ทั้งนี้เบาะ BMW X7 ZeroG Lounger จะไม่ถูกติดตั้งในที่นั่งแถว 2 ทั้งที่รถขนาดใหญ่อย่าง X7 สามารถติดตั้งได้สบายๆ เหตุเพราะเพื่อรองรับรถยนต์ในอนาคตที่อาจขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองผ่านระบบอัตโนมัติ ทำให้เบาะนี้อาจถูกนำไปติดตั้งในตำแหน่งหลังพวงมาลัยแทน ซึ่งเปิดให้ผู้ขับขี่สามารถเอนนอนพักขณะที่รถเคลื่อนตัวได้ และหากผู้นั่งต้องการขับรถด้วยตัวเอง ก็สามารถปรับนั่งเพื่อควบคุมพวงมาลัยได้ในทันที หมายความว่าในอนาคต “เบาะเจ้านาย” แถวหลังนั้นจะไม่ใช่ที่นั่งที่สบายที่สุดอีกต่อไป

จิ๊กซอว์ชิ้นที่ 4
เชื่อมต่อด้วย 5G

BMW ยืนยันว่า “การเชื่อมต่อ” 5G คือส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนของ future of mobility เพราะการสื่อสารจำเป็นมากสำหรับการขับขี่แบบอิสระที่จะมีมาในอนาคต ซึ่งจะทำให้ระบบต่างๆ ในรถ เช่น ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ หรือระบบเชื้อเพลิงมีการทำงานที่สอดคล้องกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งตอนนี้ BMW ได้พัฒนาร่วมกับ HARMAN Samsung ซึ่งเป็นรายแรกที่สนับสนุนระบบนำทางด้วยดาวเทียมทั่วโลกที่มีความแม่นยำสูง Global Navigation Satellite System (GNSS)

นอกจากจิ๊กซอว์ทั้ง 4 ชิ้น ในงาน CES 2020 นี้ BMW ยังมีแนวคิดเรื่องรถยนต์แห่งอนาคตจากเทคโนโลยีของหลายบริษัทที่น่าสนใจนำมาต่อยอด เราจึงมีโอกาสได้เห็นพัฒนาการรถยนต์ยุคใหม่ คือการมุ่งไปสู่ยุคที่รถไม่มีมลภาวะ และยานยนต์ไร้คนขับในทศวรรษนี้อย่างแน่นอน