Honda Motor Co., Ltd. ประเทศญี่ปุ่น ประกาศราคา All-New Honda Fit หรือ Honda Jazz เจนเนอเรชั่นที่ 4 อย่างเป็นทางการ กับแฮทช์แบ็คโฉมใหม่สไตล์ล้ำ พร้อมเทคโนโลยีขุมพลังใหม่ที่น่าจับตามอง ควบคู่กับการเปิดตัวรุ่นไฮบริดใหม่อย่าง Honda Fit e: HEV โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,557,600 เยน หรือราว ๆ 4.42 แสนบาท
โดย Honda Fit โฉมใหม่ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น จะมีให้เลือกด้วยกัน 5 แบบหลัก ๆ ได้แก่ Basic, Home, NESS, CROSSTAR และ LUXE ทุกรุ่นจะครอบคลุมทั้งขุมพลังและระบบขับเคลื่อนล้อหน้า – 4 ล้อ รวมทั้งสิ้นกว่า 20 เกรดเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละเกรดนั้นก็จะเกี่ยวข้องกับออพชั่นและชิ้นส่วนตกแต่งที่เข้ากับสไตล์ของรถ เช่น
- Basic จะมาพร้อมกับออพชั่นมาตรฐาน และการตกแต่งที่เรียบง่าย
- Home จะมาพร้อมกับการตกแต่งที่เน้นความสะดวกสบายด้วยวัสดุจากธรรมชาติ วัสดุคุณภาพสูง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากกว่า
- Ness ถูกออกแบบเพิ่มความโดดเด่น ทันสมัย ดูมีชีวิตชีวา ด้วยแถบสีเขียวมะนาวทั้งตัวถัง และภายใน
- CROSSTAR เสริมบุคลิกสไตล์ครอสโอเวอร์ด้วยขอบซุ้มล้อ ราวหลังคา เป็นต้น
- LUXE เป็นรุ่นที่จัดเต็มความหรูหรา ด้วยวัสดุตกแต่งภายในเกรดพรีเมี่ยม
ตัวรถได้รับการพัฒนาแพลตฟอร์มและโครงสร้างตัวถังใหม่ที่มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 18% จากโฉมปัจจุบัน โดยที่น้ำหนักเบาลงกว่าเดิม ส่วนมิติตัวถังนั้น หากอ้างอิงจากรุ่น CROSSTAR จะมีความยาว x กว้าง x สูง ที่ 3,995 × 1,695 × 1,515 มม. ส่วนระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,530 มม. สำหรับเกรดมาตรฐานต้นไป ก็จะมีมิติตัวฐานที่ 3,995 × 1,695 × 1,515 มม. ส่วนระยะฐานล้อก็มีเท่าเดิม
ด้านน้ำหนักจะแบ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร จะมีน้ำหนักตั้งแต่ 1,070 ถึง 1,180 กก. ส่วนรุ่นไฮบริดจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 1,180 ถึง 1,280 กก.
สำหรับภายใน จะมาพร้อมกับบรรยากาศที่เรียบง่าย แต่ทันสมัย ซึ่งภายในได้มีการออกแบบใหม่เพิ่มความสะดวกสบายสูงสุด ตั้งแตjเสา A ที่มีการปรับช่องว่างให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และออกแบบองศาเพื่อมอบทัศนวิสัยด้านหน้าได้มากขึ้น, เรือนไมล์จอดิจิตอล LCD ขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถปรับความสว่างอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่
เบาะนั่งคู่หน้าได้รับการออกแบบใหมท่เพื่อรองรับสรีระร่างกายได้ดีกว่าเดิม เพื่อลดความเมื่อยล้าในระหว่างขับขี่ ร่วมกับออกแบบองศาของพนักพิง และพื้นที่วางขาที่ให้ความสะดวกสบายสูงสุดดุจภายในรถซีดานขนาดใหญ่, เพิ่มที่เสียบสมาร์ทโฟนที่เบาะหลังคู่หน้า, ตัวเบาะด้านหลังสามารถพับแบบ 40:60 เพื่อขยายพื้นที่ห้องสัมภาระท้าย และยังสามารถพับเบาะขึ้นเพื่อปรับความลึกสำหรับวางกระถางหรือโคมไฟได้ด้วย
สำหรับออพชั่นภายใน ได้แก่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, แผงคอนโซลกลางที่เป็นช่องวางของอเนกประสงค์ สามารถปรับได้หลายแบบ, ระบบเบรกมือไฟฟ้า, พอร์ท USB, ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย, ระบบไล่ฝ้ายที่กระจกบังลมและกระจกมองข้าง, Honda Connect, บริการ Honda Total Care Premium ที่รองรับบริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, Honda Sensing ที่ถูกอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม และอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับขุมพลัง จะมีรายละเอียดดังนี้
- เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC ความจุ 1.3 ลิตร “L13B” สมรรถนะ ให้สมรรถนะสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 118 นิวตันเมตร 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
- เครื่องยนต์ไฮบริด Sport Hybrid i-MMD ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC ความจุ 1.5 ลิตร “LEB” ให้สมรรถนะสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,600-6,400 รอบ/นาที แรงบิด 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500-5,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว “H5” สมรรถนะ 109 แรงม้า ที่ 3,500-8,000 รอบ/นาที แรงบิด ส่งกำลังผ่านเกียร์แบบ Electric stepless shifting และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร
ด้านระบบช่วงล่างนั้น เริ่มจากระบบกันสะเทือนหน้าจะใช้แม็คเฟอร์สัน สตรัท ส่วนด้านหลังจมีทั้งทอร์ชั่นบีมแบบ H-type ในกลุ่มขับเคลื่อนล้อหน้า กับ Dion type ในกลุ่มขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคู่กับการพัฒนาระบบกันสะเทือนและสปริงที่มีความแข็งแรงสูง แต่มอบประสิทธิภาพการลดสั่นสะเทือนได้มากกว่าเดิม
ในรุ่น e: HEV NESS, e: HEV CROSSTAR และ e: HEV LUXE จะได้รับการบรรจุอัตราทดเกียร์พวงมาลัย VGR เป็นออพชั่นมาตรฐาน ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมของพวงมาลัยและองศาการเลี้ยวที่ดียิ่งขึ้น
สำหรับราคา Honda Fit โฉมใหม่ในประเทศญี่ปุ่น จะแบ่งออกเป็นกลุ่มเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร สนนราคาตั้งแต่ 1,557,600 ถึง 2,186,800 หรือราว ๆ 4.42 – 6.20 แสนบาท ส่วนกลุ่มไฮบริดอย่าง Honda Fit e: HEV ราคาตั้งแต่ 1,997,600 ถึง 2,536,600 เยน หรือราว ๆ 5.67 – 7.20 แสนบาท และมีสีตัวถังให้เลือกมากถึง 25 โทนสีเลยทีเดียว