เอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เครือข่ายการผลิตระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู ผนึกกำลังด้วยการส่งออกรถยนต์ BMW X5 ใหม่ไปยังประเทศจีน และส่งออกมอเตอร์ไซค์ BMW R 1250 GS ไปยังประเทศอินเดีย สานความสำเร็จต่อเนื่องพร้อมตอบรับแนวทางการดำเนินงานของโรงงานในเครือข่าย BMW Group ทั่วโลกในการผนึกกำลังการผลิตระหว่างโรงงานต่าง ๆ ในเครือข่ายเพื่อสร้างศักยภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งภายในประเทศและในทุกภูมิภาคทั่วโลก และขับเคลื่อนความสามารถทางการผลิตระหว่างโรงงานในเครือข่ายอย่างเต็มสูบครบทั้งสามแบรนด์
นอกจากการส่งออกบีเอ็มดับเบิลยู X5 ไปยังประเทศจีนแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังเดินหน้าเสริมศักยภาพการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้เริ่มการส่งออกรถแอดเวนเจอร์ไบค์ใหม่ไปยังประเทศในทวีปเอเชีย ได้แก่ จีนและอินเดีย การร่วมผนึกกำลังกับประเทศอินเดียนั้นอยู่ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพทางการผลิตระหว่างโรงงานในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูให้มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง ถือเป็นหนึ่งในโรงงานประกอบยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นมากที่สุดในเครือข่ายทั่วโลกของบีเอ็มดับเบิลยู รองรับการประกอบยนตรกรรมของทั้งบีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั้งหมด 14 รุ่น ได้แก่ BMW Series 3 Gran Turismo, BMW Series 5, BMW Series 7, BMW X1 BMW X3 และ BMW X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีBMW F750 GS, BMW F 850 GS,BMW F 850 GS Adventure, BMW R 1250 GS, BMW R 1250 GS Adventure, BMW S 1000 R, BMW S 1000 RR และ BMW S 1000 XR โดยมีบุคลากรกว่า 950 คน และยังคงมีแผนในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการถ่ายทอดทักษะความเชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐานในระดับโลกเพื่อพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสร้างรายได้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นอกเหนือจากความสามารถในด้านการผลิตแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังยึดมั่นในหลักการแห่งความยั่งยืนในทุกมิติของการดำเนินงาน อันเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไม่เพียงกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในกระบวนการการผลิตรถยนต์ที่มีประสิทธิผลมากขึ้น แต่ยังมุ่งเสริมกำลังในเครือข่ายการผลิตเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากร ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
ในปี 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้สร้างสติถิใหม่ในการลดอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อการผลิตรถยนต์ 1 คัน ซึ่งลดลงถึง 2.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็น 0.40 ตัน/คัน โดยใน 5 ปีที่ผ่านมานี้ ตัวเลขดังกล่าวนี้ได้ลดลงถึง 39% สอดคล้องกับอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์รวมจากเครือข่ายการผลิต ที่ลดลง 2.7% เมื่อเทียบกับปีที่ก่อนหน้า แสดงให้เห็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงเจตนารมณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมที่มีความยั่งยืน