NEW MG HS มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์แนวคิด “ELEGANCE” สะท้อนภาพลักษณ์ความสง่างาม กับการใช้วัสดุในการตกเเต่งที่หรูหรา เเละฟังก์ชั่น ฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ รวมอยู่ใน MG HS จนกลายเป็นรถยนต์รุ่นเรือธงของแบรนด์ MG โดยจุดเด่นหลักของ MG HS มี 3 จุดหลักได้แก่ดีไซน์, เพอร์ฟอร์เมนซ์สมรรถนะการขับขี่ เเละสมาร์ทฟังก์ชั่น
อัลบั้มภาพ 3 ภาพ
ภายนอก MG HS มาพร้อมกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ โลโก้ MG ตำแหน่งกลางตามแนวคิด “Stella Magnetic Field” ใช้วัสดุโครเมี่ยมที่ได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่น บอดี้ตัวถังดีไซน์ให้ดูลักษณะโค้งมนให้คาเรกเตอร์ความเป็นรถยุโรปมากขึ้น ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อม DRL ไฟท้ายแบบ Space Light Field เเละหากตบไฟเลี้ยวซ้ายหรือขวา ไฟเลี้ยวทั้งด้านหน้า, หลังจะเเสดงผลไล่ระดับแบบ Sequential เเละล้ออัลลอยที่ได้รับเเรงบันดาลใจในการออกแบบคล้ายพายุเฮอร์ริเคนที่กำลังหมุนขนาด 18 นิ้วในรุ่น D เเละ X เเละขนาด 17 นิ้วในรุ่น C
ประตูท้ายแบบไฟฟ้าสามารถควบคุมการใช้งานได้ 3 แบบ ทั้งการควบคุมโดยใช้ รีโมทคอนโทรล, การกดปุ่มที่ประตูท้าย เเละปุ่มภายในรถ เหมาะกับผู้ขับขี่เน้นไลฟ์สไตล์เอ้าท์ดอร์ในแบบรถยนต์ SUV
อัลบั้มภาพ 2 ภาพ
ภายในห้องโดยสารได้รับการอัพเกรดให้มีความหรูหราที่ชัดเจนด้วยการใช้วัสดุซอฟต์ทัชมากขึ่้นตลอดรอบห้องโดยสารทำให้มีความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนนั่งอยู่ภายโซฟาในห้องขับเเขก ในรุ่นท็อปใช้สีทูโทนแดง-ดำในการตกแต่ง เบาะนั่งเเบบ Bucket Seat ใช้วัสดุ Alcantara เป็นส่วนประกอบ จอหน้าปัด Interactive Multi – Fuction Display ขนาด 7 นิ้วเเละหน้าจอหลัก Smart Touchscreen ขนาด 10นิ้ว โดดเด่นยิ่งขึ้นกับไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light สามารถปรับโทนได้ 64 เฉดสี ทั้งยังปรับเปลี่ยนได้แบบอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่เช่นหากขับขี่ด้วยโหมด Sport ไฟจะเเสดงเป็นสีส้ม โหมด Super Sport เป็นสีแดง เเละโหมด Normal เป็นสีฟ้า พร้อมหลังคาซันรูฟพาโนรามาขนาด 1.1 ตารางเมตร
ด้านสมรรถนะการขับขี่ MG HS ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร มาพร้อมกับเกียร์ Dual Clutch ให้ฟิลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตกับการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตันเมตรในรอบต่ำที่ 1,700 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ 10 วินาที เเละรองรับน้ำมัน E85 อัตราสิ้นเปลืองพลังที่ 16.1 กม./ลิตร
นอกจากนี้ MG HS ยังเอาใจผู้ขับขี่ที่ชอบฟิลลิ่งการขับที่สนุกด้วยการติดตั้งโหมด Super Sport มาให้โดยมีปุ่มเปิด-ปิดการใช้งานที่พวงมาลัยด้านขวา การใช้งานง่ายๆ เพียงเเค่กดปุ่มผู้ขับขี่ก็สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์โดยใช้ Paddle Shift ได้ เเละได้กำลังการขับเคลื่อนที่ดียิ่งขึ้น ขณะที่ช่วงล่างเป็นแบบ Euro Tuning Suspension ที่ให้ความนุ่มสบาย เเต่การเข้าโค้งยังให้ความรู้สึกมั่นคงในการทรงตัวของรถ
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นจุดเด่นของ MG HS คือระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มให้ถึง 25 ระบบได้แก่
-AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
-ABS (Anti- Lock Braking System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน
-EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบช่วยกระจายเเรงเบรก
-EBA (Electronic Brake Assist) ระบบเสริมเเรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์
-CBC (Curve Brake Control) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง
-XDS (Electronic Differential System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว
-SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการทรงตัว
-TCS (Traction Control System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
-HAS (Hill Start Assist System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
-HDC (Hill Descent Control System) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
-MSR (Motor Control Slide Retainer) ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน
-ARP (Anti Rolling Program) ระบบป้องกันความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ
-ESS (Emergency Stop Signal) ระบบสัญญาณไฟเเจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน
-IHC (Intelligent High-Beam Control) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
-FCW (Forward Collision Warning) ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่
-ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
-TJA (Traffic Jam Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ
-LDW (Lane Departure Warning) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
-LDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน
-LKA (Lane Keep Assist) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
-LCA (Lane Change Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน
-BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา
-RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง
-DOW (Door Open Warning) ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู
-TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของเเรงดันลมยาง
นอกจากนี้ยังเสริมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัย 6จุดในทุกรุ่น เเละเพิ่มมุมมองที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยกกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) สามารปรับเปลี่ยนมุมมองของกล้องได้ตามความต้องการ เเละสามารถปรับมุมภาพเป็น 2D ภาพด้านข้างรถได้เช่นกัน หรือโฟกัสไปที่ด้านหน้าหรือด้านหลังได้หรือขณะที่รถเลี้ยวที่ความเร็วต่ำกว่า 20 กม./ชม. กล้องจะประมวลภาพปรากฏบนจอกลางอัตโนมัติ
จุดเด่นสุดท้ายของ MG HS อยู่ที่สมาร์ทฟังก์ชั่นระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART แบ่งออกเป็น Smart Check ที่สามารถตรวจสอบสถานะ และตรวจเช็กรถได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนการสั่งการล็อกหรือปลดล็อก ประตูรถ ตรวจสอบตำแหน่งรถ แจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ และช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application Smart Command ระบบสั่งการที่สามารถสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย ที่มีฟังก์ชั่นการสั่งการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การโทรออก สั่งการควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ระบบเปิด-ปิดหน้าต่างฝั่งคนขับ และระบบเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ รวมถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจ (Point Of Interest) ผ่าน Navigator เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว
เเละ Smart Connect ที่สามารถค้นหาเพลงฮิต เพลงดังผ่าน Online Music และค้นหาร้านอาหารเด็ด สถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรม แสดงผลการจราจร รวมถึงอัพเดตข่าวสารในปัจจุบันบนหน้าจอในรถ
จากที่ได้สัมผัส MG HS ตลอดเส้นทาง กรุงเทพ – เขาใหญ่ อย่างแรกที่ประทับใจต่อรถยนต์ SUV ระดับเรือธงของค่าย MG คันนี้คือการออกแบบที่หรูหราตามที่เกริ่นไปตอนต้นถึงความเป็นจุดเด่นทีชัดเจนของโมเดลรุ่นนี้ที่นอกจากความสวยจากการออกแบบที่ต้องยกนิ้วให้เเล้ว ความสบายในการนั่งขณะขับขี่ หรือนั่งโดยสารก็ทำให้คนที่ได้ลองสัมผัส MG HS จะตกหลุมรักได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันระบบฟังก์ชั่นที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ในรถก็ทำให้การเดินทางรู้สึกสนุกเเละเพลิดเพลินไปกับเพลงอัพเดตใหม่ล่าสุดที่มีให้เลือกฟังทุกเเนวเเบบไม่อั้น
อีกหนึ่งฟังก์ชั่นน่าใช้เเละให้ความสะดวกสบายขณะเดินทางไกลหรือการขับขี่ในเส้นทางต่างจังหวัดคือระบบ ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน โดยใน MG HS สามารถเปิดใช้งานระบบ ACC ได้ตั้งแต่ความเร็วทืี่ 30-150 กม/ชม. วิธีเปิดใช้งานไม่มีอะไรยุ่งยากเพียงเเค่ผู้ขับขี่ต้อง Active System ระบบก่อนด้วยการกดปุ่มที่ปลายก้อน ด้วยการตบก้าน Cruise Control ที่อยู่ด้านล่างซ้ายหลังพวงมาลัยเข้าหาตัว 1 ครั้ง จากนั้นเมื่อตบก้านขึ้นคือการเพิ่มความเร็วของ Cruise Control ขณะที่การตบลงคือการลดความเร็ว หรือถ้าต้องการปรับระยะห่างจากรถคันหน้าให้ใช้การหมุนที่ก้าน หากต้องการปิดการใช้งานก็เพียงกดปุ่มปลายก้อน Cruise Control
นอกจากนี้หากผู้ขับขี่ต้องการใช้โหมด TJA (Traffic Jam Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ ก็สามารถทำได้ด้วยการเปิดระบบ Cruise Control ก่อน จากนั้นตบก้าน Cruise Control เข้าหาตัวสองครั้งติดระบบ TJA จะเริ่มทำงาน จากนั้นการตบก้านขึ้นลงเพื่อปรับความเร็ว เเต่มีข้อเเม้ว่าความเร็วที่ใช้ต้องเกิน 60 กม./ชม. เเละต้องมีเส้นเเบ่งเลนที่ชัดเจนทั้งสองข้าง เเละเมื่อระบบ TJA ทำงานเมื่อรถคันหน้าจอด รถของเราก็จะจอดจนหยุดนิ่งตามระยะห่างจากคันหน้าที่เซ็ตไว้ หากหยุดเป็นเวลาที่น้อยกว่า 3 วินาที หากรถคันหน้าเคลื่อนตัว รถของเราก็จะเคลื่อนตาม
ทั้งสองโหมดนี้จึงเหมาะกับการขับทางไกลเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับขี่ได้อย่างมากที่สำคัญหากเปิดใช้ระบบ Cruise Control สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือมือของผู้ขับขี่ต้องจับบังคับทิศทางที่พวงมาลัยตลอดเวลาเพียงเเต่เท้าไม่ต้องเหยียบแป้นคันเร่งเท่านั้น เเละหากผู้ขบขี่ปล่อยมือระบบจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับเเละยกเลิกการทำงานทันที
ด้านสมรรถนะการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบแบบแปรผันทำให้ MG HS ตอบสนองต่อการเร่งได้อย่างทันที พร้อมด้วยโหมด Super Sport ที่ได้ลองใช้ขณะขับในเส้นทางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ให้ความรู้สึกสนุกที่ได้ปรับทดเกียร์ด้วยตนเองจากการใช้งาน Paddle Shift ทั้งหมดนี้ทำให้ MG HS จึงเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ครบเครื่องน่าขับ ทั้งหน้าตา สมรรถนะ บวกฟังก์ชั่นเทคโนโลยีที่มีให้เเบบไม่มีกั๊ก
NEW MG HS มีให้เลือกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่น X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีแดง Scarlet Red, สีขาว Arctic White, สีดำ Black Knight และสีเงิน Silver Metallic สำหรับราคาจำหน่ายลูกค้า 1,000 คนแรกจะได้รับส่วนลดเงินสดหรือวงเงินใช้สำหรับซื้อชุดอุปกรณ์ตกแต่งของ MG มูลค่า 34,000 บาท โดยมีรายละเอียดตามรุ่นดังนี้
New MG HS รุ่น C ราคาปกติ 919,000 บาท ราคาพิเศษสำหรับ 1,000 คนเเรก เหลือ 885,000 บาท
New MG HS รุ่น D ราคาปกติ 1,019,000 บาท ราคาพิเศษสำหรับ 1,000 คนเเรก เหลือ 985,000 บาท
New MG HS รุ่น X ราคาปกติ 1,119,000 บาท ราคาพิเศษสำหรับ 1,000 คนเเรก เหลือ 1,085,000 บาท