กลับมาอีกครั้งสำหรับบทพิสูจน์ครั้งใหม่ของ New Nissan Leaf ที่ในครั้งแรก MThai.auto เคยขับ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% คันนี้ฝ่าการจราจรอันหนาเเน่นในตัวเมืองกรุงเทพมหานครพร้อมกับโฉบออกไปย่านชานเมืองเพื่อสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ ในเมือง/นอกเมือง ใน 1 วันเต็มๆ เเบบเเบตเตอรี่เหลือๆ ล่าสุด นิสสัน ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมใหม่ให้กับสื่อมวลชนได้ทดสอบการขับขี่ New Nissan Leaf อีกครั้งโดยคราวนี้ต้องบอกว่าโจทย์ที่ได้รับมา มีความท้าทายเเละทำให้เราได้รู้จักกับ New Nissan Leaf มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
โจทย์ในครั้งนี้คือการขับขี่ New Nissan Leaf พิชิตยอด ดอยอินทนนท์ ได้ยินแบบนี้หลายคนอาจทำหน้างงตั้งเเง่ไปก่อนเเล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าเนี่ยนะจะขับขึ้นเขา จะขึ้นไหวเหรอ เเละชาร์จไฟแบตเตอรี่จะพอเหรอ? ไม่แปลกที่คำถามเหล่านี้จะมีอยู่ในใจของใครหลายๆ คนเมื่อได้ยินโจทย์นี้ขึ้น ฉะนั้นเราเลยต้องมาลองให้รู้กันไปเลยว่า จากรถยนต๋ไฟฟ้าที่ใช้ขับขี่แบบสบายๆ ในเมือง หากนำไปขับขี่ขึ้นเขา เเถมยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศอย่าง ดอยอินทนนท์ด้่วยเเล้ว New Nissan Leaf จะเอาอยู่เเค่ไหน
ต้องบอกกันก่อนว่าปกติ New Nissan Leaf หากชาร์จไฟเต็มเเบตเตอรี่จะสามารถวิ่งได้เต็มที่ในระยะทาง 311 กม. เเต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ด้วย เเน่นอนว่าการขับขี่ขึ้นเขากำลังไฟจะถูกดึงมาใช้มากกว่าการขับขี่ในเส้นทางปกติ เเต่ความท้าทายอยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากเป็นการขับลงเขาเเทบไม่มีการใช้คันเร่ง เมื่อไม่มีการใช้คันเร่งมากเท่ากับตอนขึ้นเขาจังหวะการเบรกหรือการชะลอความเร็วมอเตอร์ไฟฟ้าจะเปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการเบรกกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่เเบตเตอรี่เป็นการชาร์จไฟกลับคืนอีกครั้ง หรือที่เรียกว่า Regenerative Braking System
เเละโจทย์ในครั้งนี้คือการขับรถจาก Veranda High Resort ด้วยจำนวนแบตเตอรี่ชาร์จไฟเต็มขึ้นไปสู่ยอดดอยอินทนนท์ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,565 เมตร ระยะทางกว่า 200 กม. จากนั้นจะมีการเช็คปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่ยังจุดแรก ณ ทางเข้าด่านตรวจทางขึ้นดอยอินทนนท์ช่วงครึ่งทางขาขึ้นเขา จากนั้นจะขับขึ้นไปสู่ยอดดอยอินทนนท์เเละมีการเช็คปริมาณ แบตเตอรี่อีกครั้ง จากนั้นเมื่อถึงตอนขากลับขับลงจากดอย การเเข่งขันจริงจะเริ่มจากนี้กับบรรดารถยนต์ New Nissan Leaf ที่ขับโดยผู้สื่อข่าววัดกันที่รถคันใดกลับไปถึงโรงแรม Veranda High Resort เเละมีปริมาณไฟในเเบตเตอรี่เหลือมากที่สุด รถคันนั้นจะเป็นผู้ชนะ โดยจะมีการเช็คปริมาณไฟในแบตเตอรี่อีกครั้งในช่วงขาลงที่ด่านตรวจเดิม เเละสุดท้ายที่โรงแรม
แต่ก่อนที่เราจะมาสรุปตัวเลขปริมาณไฟที่เหลือในแบตเตอรี่เมื่อจบกิจกรรม มาดูกันที่ฟิลลิ่งการขับขี่เเละสมรรถนะเมื่อต้องขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ขึ้นเขากันก่อน พูดกันแบบตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมต้องบอกว่าการขับขี่ New Nissan Leaf ขึ้นดอยหรือขึ้นเขาสมรรถนะกำลังของรถเเทบไม่มีอะไรแตกต่างจากการขับขี่รถยนต์ซีดานเเม้เเต่น้อย เเถมสิ่งที่ได้มากกว่าคือความเงียบขณะขับขี่เนื่องจากการเป้นรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นเรื่องเสียงเครื่องยนต์ที่เรามักได้ยินขณะขับขี่โดยเฉพาะการขับขึ้นบนทางลาดชัน หรือการลงเขาหากเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ร้อยทั้งร้อยยังไงก็ต้องได้ยินเสียงเครื่องยนต์เป็นธรรมดา เเต่กับรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อขับขึ้นเขาสิ่งที่สัมผัสได้จาก New Nissan Leaf คือความเงียบภายในห้องโดยสาร
ด้านสมรรถะการขับขี่หลายคนอาจแอบตั้งเเง่ในใจว่า รถยนต์ไฟฟ้าเนี่ยนะขับขึ้นเขาจะไหวเหรอ? แบตเตอรี่จะพอเหรอ คำตอบจากประสบการณ์จริงที่ได้ทดสอบขับขี่มาเเล้ว บอกเลยว่า New Nissan Leaf สามารถขึ้นยอดเขาสูงอย่างดอยอินทนนท์ได้แบบสบาย จังหวะการเทค การออกตัวก็ไม่ได้จากอะไรกับรถยนต์ซีดานที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไป การเร่งเเซงรถคันหน้าที่ขับช้าช่วงขึ้นเขาก็ยังมีแรงส่งได้อีกเเบบเหลือๆ ทั้งนี้ต้องขอบคุณขุมพลังจากระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่มอบสมรรถนะที่ต่อเนื่อง และเร้าใจด้วยการส่งกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่า Nissan Leaf เจนเนอเรชั่นก่อนหน้า 38 เปอร์เซ็นต์ มีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์เป็น 320 นิวตันเมตร ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นโดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม ด้วยเวลาเพียง 7.9 วินาที อัตราเร่งที่น่าทึ่ง การขับขี่ที่สะดวกสบาย เเละที่สำคัญไร้มลพิษจากค่าการปล่อยของเสีย
กลับมาที่โจทย์ชาเล้นจ์ของเราต่อกับการวัดค่าพลังานไฟฟ้าช่วงขาลงจากยอดดอยอินทนนท์สู่โรงแรม Veranda High Resortที่อยู่เบื้องล่าง ตามที่กล่าวไปตอนต้นว่าเมื่อออกจากจุดสตาร์ทที่โรงแรมปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่มี 100% เต็ม สำหรับรถยนต์ New Nissan Leaf ที่ทีมงาน MTHAI.auto ขับร่วมกับผู้สื่อข่าวอีกหนึ่งท่าน จากโรงแรมสู่จุดเช็กปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่จุดเเรกที่ด่านตรวจทางขึ้นดอยอินทนนท์ระยะทางประมาณ 50กม. ปริมาณไฟฟ้าเหลือที่ 75% เเละเมื่อขับต่อขึ้นไปสู่ยอดดอยอินทนนท์ปริมาณไฟฟ้าคงเหลือที่ 29% ปริมาณไฟฟ้าที่เหลือตอนนี้หลายคนคงใจคอไม่ดีกันเเล้วว่าจะเหลือพอให้กลับถึงตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่
ขณะที่การขับขี่ลงจากยอดเขาเริ่มขึ้นแน่นอนว่าเมื่อเราขับรถจากยอดเขาที่มีทางลาดชันคันเร่งเเทบไม่จำเป็นที่ต้องใช้ อาจมีบ้างในบางจังหวะที่เป็นทางราบที่ต้องมีการเหยียบคันเร่งบ้างเเต่โดยรวมเเล้วสิ่งที่จำเป็นในการรใช้บ่อยที่สุดในจังหวะลงเขาคือเบรก เเละการปรับโหมดการขับขี่มาที่โหมด B ของที่ช่วยให้การฟื้นฟูพลังงานกลับคืนมาได้มากยิ่งขึ้นในขณะที่ชะลอความเร็ว จากยอดเขาปริมาณไฟฟ้าที่เหลือ 29 % เมื่อขับลงมาด้วยจังหวะยกคันเร่ง เเละเบรกตลอดระยะทาง 50 กม. เมื่อมาถึงจุดเช็คปริมาณไฟฟ้าถึงด่านตรวจปริมาณไฟฟ้าฟื้นฟูกลับเข้าสู่แบตเตอรี่คงเหลือ 47 % เเละจากจุดนี้ขับต่อไปเพื่อกลับโรงเเรมอีก 50 กม. จะเป็นทางเรียบความเร็วที่ใช้อยู่ที่ 60-80 กม. ซึ่งเป็นความเร็วปกติ ขับขี่โดยเปิดแอร์ตามปกติตัวเลขปริมาณไฟฟ้าเมื่อกลับถึงโรงเเรมเหลือที่ 23%
การทดสอบการขับขี่ในครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า New Nissan Leaf รถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% สามารถขับขี่ไปได้ทุกความต้องการไม่ว่าจะเป้นการขับขี่ในเมือง ชานเมือง ขัับข้ามจังหวัดหรือเเม้เเต่การขับขี่ท่องเที่ยวตามยอดเขาในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ หากกังวลเรื่องการชาร์จไฟระหว่างเดินทางปัจจุบันมีตัวเเทนผู้จำหน่ายฯ รถยนต์ไฟฟ้า New Nissan Leaf อย่างเป็นทางการ 33 แห่งทั่วประเทศคุณสามารถเลือกวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้ว่าจะจอดเเวะชาร์จไฟที่ตัวเเทนผู้จำหน่าย New Nissan Leaf ณ จุดใดของการเดินทาง
สรุปการขับขี่ New Nissan Leaf ขึ้นดอยอินทนนท์ในทริปนี้ในระยะทาง 200 กม. ไปกลับ ชาร์จไฟเต็มจากจุดสตาร์ทกลับมาถึงที่หมายปริมาณไฟถึงที่หมายแบบเหลือๆ นั่นจึงทำให้ New Nissan Leaf นับเป็นทางเลือกใหม่แห่งยนตกรรมการขับขี่ เเละเป็นก้าวเเรกของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า100% ที่เปิดตัวในประเทศไทยที่ให้ทั้งความประหยัดเเละเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเเละคณสามารถย้อนกลับไปดูการทดสอบการขับขี่ New Nissan Leaf ในการขับขี่เส้นทางกรุงเทพเเละปริมณฑลที่ผ่านมาได้ ที่นี่