มาสด้า ปรับลุครถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่อย่าง CX-5 ถือเป็นครั้งแรกของตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ถึง 3 เครื่องยนต์ พร้อมความหรูหราสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ทุกองค์ประกอบได้รับการออกแบบและจัดวางอย่างเหมาะสม ผ่านการคัดสรรวัสดุอย่างปราณีตดุจงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียดเสมือนงานที่ทำด้วยมือ เต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายความหรูหรา นุ่มนวล และให้ความประทับใจในทุกสัมผัส ภายใต้คอนเซ็ปต์ “LIVE THE REMARKABLE LIFE หรือ ให้ชีวิตทุกบท…น่าจดจำ” พร้อมเติมเต็มความหมายใหม่ๆ ให้ชีวิตสมบูรณ์แบบและน่าจดจำ โดยปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเพียง 10,000 บาทเท่านั้น แต่ใส่อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติมเข้ามาอีกพียบ พร้อมฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร* ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร** พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.99%
New Mazda CX-5 ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ SKYACTIV-G 2.5T ให้กำลังสูงถึง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบเทอร์โบแบบ Dynamic Pressure เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบรถยนต์สไตล์เอสยูวีที่เติมเต็มความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ด้วยสมรรถนะความแรง ให้การตอบสนองที่ดีที่สุดในคลาส และอีก 2 ทางเลือกเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร สัมผัสกับการควบคุมขับขี่ที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง หรือ GVC Plus พร้อมใส่ดีไซน์ใหม่ภายในห้องโดยสารที่เน้นความงดงามจากความเรียบง่ายด้วยคอนเซ็ปต์ “Less is More” เพิ่มความหรูหราในทุกรายละเอียดด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุแบบ Real Wood และเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ผ่านระบบเชื่อมต่อสื่อสาร Mazda Connect ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี i-Activsense ที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมไปถึงผู้ใช้ถนน
ภายในห้องโดยสารของ New Mazda CX-5 ได้รับออกแบบพัฒนาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบสัมผัสใหม่ให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ด้วยคอนเซ็ปต์ “Less is More” เน้นความเรียบง่ายแต่งดงามในทุกรายละเอียด อาทิ ดีไซน์ใหม่ของแผงควบคุมแอร์, ปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ปุ่มปรับกระจกมองข้างที่พรีเมียมขึ้น กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารด้วยการใช้โทนสีเข้ม เลือกใช้วัสดุแบบ Real Wood ผสมผสานกับสีเงินซาตินโครมในการตกแต่ง สัมผัสกับเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red มาพร้อมระบบระบายอากาศตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า Seat Ventilation มาตรวัดแบบความเร็วแบบดิจิตอล TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี ขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนผ่าน Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว เติมเต็มความเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียง Bose@ รอบทิศทาง สร้างบรรยากาศที่หรูหราด้วยหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และไฟส่องสว่างที่ได้รับการออกแบบใหม่ในหลายตำแหน่ง
เพิ่มความสปอร์ตของดีไซน์ภายนอกด้วยด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 19 นิ้ว และยังคงอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense ที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น ช่วยให้สามารถคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ได้แม่นยำยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง พร้อมมุมกล้องแบบ Top View เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ มีให้เลือก 6 สี ประกอบด้วย สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black) และสีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver) พร้อมให้สัมผัสและทดลองขับขี่แล้ว ณ โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ โดยมีรุ่นย่อยและราคาจำหน่ายดังนี้
- 2.0 C ราคา 1,300,000 บาท
- 2.0 S ราคา 1,410,000 บาท
- 2.0 SP ราคา 1,560,000 บาท
- XD ราคา 1,570,000 บาท
- XDL ราคา 1,790,000 บาท
- 2.5 TURBO SP ราคา 1,850,000 บาท