mg MG Extender suv กระบะออฟโรด รถกระบะ เอ็มจี

ขับ MG Extender กระบะพันธุ์ยักษ์ลุยออฟโรดเเละออนโรด เส้นทาง เชียงใหม่-กรุงเทพ

MG Extender รถกระบะ ที่ถูกออกแบบมาในแบบเดียวกับรถยนต์ SUV โดยมีได้รับนวัตกรรมใหม่ๆ ของ MG นำมาใช้เริ่มตั้งเเต่ความเเข็งแกร่งทนทาน ความคล่องตัวความปลอดภัย เเละระบบปฏิบัติการณ์อัจฉริยะ i-Smart ที่เชื่อมต่อคนกับรถ ทั้งหมดนี้คือจุดเด่นอันเป็นของ MG…

Home / AUTO / ขับ MG Extender กระบะพันธุ์ยักษ์ลุยออฟโรดเเละออนโรด เส้นทาง เชียงใหม่-กรุงเทพ

MG Extender รถกระบะ ที่ถูกออกแบบมาในแบบเดียวกับรถยนต์ SUV โดยมีได้รับนวัตกรรมใหม่ๆ ของ MG นำมาใช้เริ่มตั้งเเต่ความเเข็งแกร่งทนทาน ความคล่องตัวความปลอดภัย เเละระบบปฏิบัติการณ์อัจฉริยะ i-Smart ที่เชื่อมต่อคนกับรถ ทั้งหมดนี้คือจุดเด่นอันเป็นของ MG Extender ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนกับของ รถกระบะ ในตลาดรถยนต์

MG Extender

จุดเด่นของ MG Extender ยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากเริ่มจากเครื่องยนต์ที่มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่ให้สมรรถนะที่ดี โดยสมรรถนะที่ดีได้มาจากระบบเทอร์โบแปรผัน, ระบบระบายความร้อนแบบแยกส่วน, ระบบข้อเหวี่ยงเเบบเยื้องศูนย์เพื่อช่วยลดการสั่นเเละลดเสียงการทำงานของเครื่องยนต์, ระบบหัวฉีดแรงดันสูงBosch เเละวาว์ลเปิดปิดไอดี เครื่องยนต์ให้เเรงม้าที่สูงถึง 162 เเรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 375นิวตันเมตรที่ 1,500 – 2,400 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6สปีดพร้อมโหมดเเมนนวล เเละเกียร์ธรรมดา 6สปีด

MG Extender

MG Extender

นอกจากนี้ยังมีโหมดการขับขี่มาให้ 3โหมดได้แก่ โหมดมาตรฐาน(Normal), โหมดประหยัด(Eco Mode) เเละโหมดกำลังสูง(Power Mode) พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4H โดยสามารถใช้งานได้ในแบบระบบขับเคลื่อนสองล้อ 2H เเละระบบ 4L ระบบล็อคเฟืองท้ายเพื่อการขับขี่ในทางทุรกันดารในแบบออฟโรด

MG Extender

MG Extender

ระบบช่วงล่างเเละห้องโดยสารก็เป็นอีกสิ่งที่ MG Extender โดดเด่นไม่เป็นรองใครตามที่เกริ่นไปในตอนต้นว่ารถถูกออกแบบมาแบบเดียวกับรถยนต์ SUV ทำให้การนั่งภายในห้องโดยสารรู้สึกได้ถึงความสะดวกสบาย ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยการใช้โทนสีดำทั้งหมดรวมถึงการใช้วัสดุซอฟ์ตทัชในหลายๆ ตำแหน่งทำให้มีความหรูหราไม่ต่างจากรถ SUV เบาะนั่งด้านหน้าให้ตำแหน่งสูงให้มุมมองที่กว้างให้วิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดี เบาะผู้ขับขี่เเละโดยสารตอนหน้าสามารถปรับได้ 6ทิศทาง

MG Extender

ช่วงล่างด้านหน้าใช้แบบปีกนกคู่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ความเร็วต่ำเเละให้ความมั่นคงในการขับขี่ที่ความเร็วสูงขณะที่ช่วงล่างด้านหลังใช้แบบแหนบซ้อนแผ่นรองรับการใช้งานในรูปแบบที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการโดยสารหรือการบรรทุกหนักโดยชุดแหนบหลักเเละเเหนบเสริมสามารถปรับความนุ่มหรือความเเข็งให้เหมาะสมตามน้ำหนักของที่บรรทุก

ความปลอดภัยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ MG Extender ใส่ใจต่อผู้ขับขี่โครงสร้างของรถใช้เหล็กแบบ Ultra-High Strenght Body ในจุดที่สำคัญเพื่อป้องกันการชนกว่า 70% ของรถ ขณะที่ในรุ่นท็อปมาพร้อมกับถุงลมนิรภัยถึง 6จุด เเละความปลอดภัยก่อนเกิดอุบัติเหตุได้แก่

-ABS (Anti-Lock Brake System) ระบบป้องกันล้อล็อค
-EBD (Electronic Brake force Distribution) ระบบการะจายเเรงเบรก
-EBA (Electronic Brake Assist) ระบบเสริมเเรงเบรกด้วยอิเลกทรอนิกส์
-SCS (Stabillity Control System) ระบบควบคุมการทรงตัว
-TCS (Traction Control System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
-HAS (Hill Start Assist System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
-TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง
-HDC (Hill Descend Control) ระบบควบคุมความเร็วเมื่อลงทางลาดชัน
-BSW (BlindSpot Warning System) ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับสายตา
-LDW (Lane Departure Warning) ระบบช่วยเเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
-AFS (Adaptive Front Lighting System) ระบบควบคุมไฟหน้าปรับเลี้ยวตามองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ

MG Extender

MG Extender

เเละในรุ่นท็อปยังมีระบบกล้องมองภาพรอบทิศทางพร้อมสัญญาณเตือนกะระยะ (Around View Camera With parking Sensors) โดยการใช้งานง่ายๆ เพียงกดปุ่มบริเวณคอนโซลใต้หน้าจอกลางภาพรอบคันรถจะเเสดงออกมาที่หน้าจอ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกมุมกล้องแบบ 360องศาหรือมุมอื่นๆ รอบคันรถได้ เเต่ในระบบดังกล่าวสามารถใช้งานขึ้นอยู่กับความเร็วของคุณที่ขับขี่หากขับที่ความเร็วสูงระบบดังกล่าวจะไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากต้องการให้ผู้ขับขี่โฟกัสที่ด้านหน้าขณะขับขี่อย่างเดียว เเละระบบเบรกในรุ่นยกสูงยังมาพร้อมกับระบบดิสก์เบรกสี่ล้อ 4-Wheel Disc Brake

MG Extender

MG Extender

อีกสิ่งหนึ่งซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของรถยนต์ MG รุ่นใหม่ๆ ในตลาดรถยนต์คือนวัตกรรมใหม่ระบบ i-Smart สำหรับ MG Extender ยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวเช่นกัน โดยมีฟังก์ชั่นที่ได้มาครบไม่ต่างจาก MG รุ่นอื่นๆ ทั้ง Smart Command  ในการสั่งการให้รถเปิดแอร์ หรือเปิดกระจกหน้าต่าง  รวมถึงให้หาพิกัดเเผนที่, เครื่องเสียง, โทรศัพท์โดยใช้คีย์เวิร์ด “Hello MG” , Smart Check เช็คตำแหน่งของรถ เเละ Smart Connect เหมาะสำหรับผู้ขับขี่วัยรุ่นเพราะจะมีการอัพเดตเพลงใหม่ให้ฟัง รวมถึงข่าวเเละประกาศผลฉลากกินแบ่งรัฐบาล

MG Extender

MG Extender

ล่าสุด บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ เอ็มจี ในประเทศไทย จัดกิจกรรมทดสอบการขับขี่ MG Extender ตระเวนขับเหนือ อีสาน กลาง ใต้ทั่วประเทศไทยโดยสื่อมวลชนที่ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม ขณะที่ MThai.auto มีโอกาสขับกระบะพันธุ์ยักษ์ในเส้นทาง เชียงใหม่-นครสวรรค์-กรุงเทพ โดยแบ่งการทดสอบการขับขี่ออกเป็นสองพาร์ทได้แก่ ออฟโรดเเละออนโรด โดยในพาร์ทเเรกของวันเเรกจะเน้นไปที่การขับขี่แบบออฟโรดเส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นสู่ยอดดอยสุเทพ จากนั้นลุยกันขึ้นไปต่อกับเส้นทางขุนช่างเคี่ยนที่เป็นทางแบบออฟโรด

ช่วงการทดสอบการขับขี่แบบออฟโรดทำให้เราได้ทดสอบ MG Extender ในหลากหลายด้านทั้งเรื่องสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ต้องใช้ในการบีบป่ายขึ้นเขาที่ถือว่ากำลังที่ให้มาจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 เทอร์โบแปรผันมีให้เเบบเหลือๆ เเละการปรับมาใช้โมหดเเมนนวลในการขึ้นเขาหรือใช้อัตราทดรอบเครื่องยนต์ในเกียร์ต่ำเมื่อลงทางลาดชันให้ความสนุกเเละมั่นใจในการขับขี่เรียกว่าการขับขึ้นดอยสุเทพเป็นเรื่องเล็กสำหรับรถกระบะคันนี้ ขณะที่เมื่อถึงช่วงเส้นทางออฟโรดที่ยังไม่ถงขั้นทุรกันดารมากยังสามารถปรับมาใช้โหมด 4H ได้ทันที(โดยที่ความเร็วรถต้องไม่เกิน 80 กม./ชม.) ขณะที่เส้นทางข้างหน้าเป็นทางออฟโรดที่ทุรกันดารเต็มไปด้วยอุปสรรคของพื้นผิวที่ขรุขระ โหมด 4L ก็สามารถพาผู้ขับขี่ผ่านเส้นทางที่ทุรกันดารไปได้แบบไม่ต้องลุ้นอะไรให้เหนื่อย(โดยใช้ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม.ในโหมดดังกล่าว)

ต้องยอมรับว่า MG Extender ไม่ใช่รถกระบะที่มีไว้เพียงบรรทุกของเท่านั้น เพราะจากการทดสอบการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดเเล้ว MG Extender สามารถตอบโจทย์ได้ว่าไม่ว่าทางจะโหดเเค่ไหน กันดารเเค่ไหนเเต่ด้วยสมรรถนะเเละระบบช่วขับขี่ทีมีในรถกลับทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที ยกตัวอย่างเช่นนอกจากโหมดระบบขับเคลื่อนที่กล่าวไปเเล้ว รวมถึงระบบ HDC (Hill Descend Control) ระบบควบคุมความเร็วเมื่อลงทางลาดชัน ที่จำเป็นอย่างมากในการทดสอบการขับขี่เส้นทางบนภูเขาในครั้งนี้เมื่อระบบถูกเปิดใช้งานขณะที่ทางลาดชันผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรกใดๆ เพียงเเค่บังคับพวงมาลัยเท่านั้น นอกจากนี้ในเส้นทางที่เเคบเเละไหล่ทางคือเหวลึกการขับขี่ต้องใช้ความระมมัดระวังอย่างสูงเเต่ด้วย ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Camera) ก็ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นบรรยากาศรอบคันรถจากด้านนอกโดยเฉพาะเมื่อใช้มุมภาพสูง Bird Eye View ยิ่งทำให้การกะระยะของรถกับไหล่ทางซ้ายขวาในถนนที่เเคบเป็นเรื่องง่ายขึ้น

หลังจากหลุดออกมาจากเส้นทางออฟโรดที่เราใช้เวลากว่าค่อนวันในการทดสอบพาร์ทดังกล่าวจบไป ที่เหลือจะเป็นการขับออนโรดทั้งหมดโดยเริ่มจากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปาง เเม้บางช่วงเส้นทางจะต้องขึ้นเขาเส้นทางขุนตาล เเละเถิน เเต่การผ่านดอยสุเทพมาแบบสบายๆ การวิ่งบนถนนจึงไม่มีอะไรเหนือบ่ากว่าเเรงของ MG Extender ที่จะพาเราไปถึงที่หมายบนถนนหลวง อีกฟังก์ชั่นที่น่าชื่นชมในระบบแผนที่นำทางของ MG Extender คือจะมีีการเเจ้งเตือนหากมีกล้องจับความเร็วอยู่ข้างหน้าราวๆ 200-300 เมตร ระบบจะส่งสัญญาณเเจ้งเตือนเเละปรากฏไอคอนเตือนกล้องจับความเร็วเเม้ความเร็วที่เราใช้ในขณะนั้นจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับ MG Extender สองวันหนึ่งคืนทำให้ได้สัมผัสเเละรู้จักกับกระบะพันธุ์ยักษ์คันนี้มากกว่าครั้งเเรกที่เเค่ได้ขับพอเป็นพิธีในการเปิดตัวที่เขาใหญ่ ณ ตรงนี้บอกเเบบไม่มีการเปลี่ยนใจว่านี่คือรถกระบะที่ให้มากกว่าความเป็นรถกระบะบรรทุกของธรรมดา เพราะด้วยการออกแบบรถในแบบ SUV ความรู้สึกขณะนั่งให้ความนุ่มสบายช่วงล่างไม่มีอาการกระโตกกระตากภายในห้องให้ผู้โดยสารรู้สึกเหนื่อยขณะเดินทาง สำหรับการลุยออฟโรดหลังผ่านเส้นทางขุมช่างเคี่ยนที่ถือว่าโหดพอตัวลงมาสู่เมืองทำให้เราได้เห็นมุมมองใหมม่ในสมรรถนะของ MG Extender ที่สามารถลุยไปได้ทุกทางที่ยากลำบาก เเละสิ่งสุดท้ายคือเทคโนโลยีต่างๆ ที่ให้ความสะดวกสบายตลอดเส้นทางที่ขับจาก เชียงใหม่ – กรุงเทพ ระยะทางกว่า 700 กม. MG Extender ให้ความสะดวกด้วยเทคโนโลยี i-Smart เเละความเพลิดเพลินกับการเลือกฟังเพลงขณะเดินทางแบบอัพเดตใหม่ล่าสุดทั้งไทยเเละสากลแบบไม่อั้น ทั้งหมดนี้คือการตกย้ำที่ว่า MG Extender เป็นมากกว่าเเละให้มากกว่ารถกระบะทั่วไปที่คุณคุ้นเคย