Mercedes-Benz Mercedes-Benz GLC Mercedes-Benz GLC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ เมอร์เซเดส-เบนซ์

Mercedes-Benz GLC & GLC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ เริ่ม 3.239 ล้านบาท

บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกตลาดยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง ขยายพอร์ตโฟลิโอรถยนต์ SUV รุ่นประกอบในประเทศ ด้วย Mercedes-Benz GLC รถยนต์เอสยูวีดีไซน์สปอร์ต เรียบหรู และทันสมัย มอบความสะดวกสบาย ในทุกๆ เส้นทางทั้งออนโรด และออฟโรด…

Home / AUTO / Mercedes-Benz GLC & GLC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ เริ่ม 3.239 ล้านบาท

บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทยจำกัด รุกตลาดยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง ขยายพอร์ตโฟลิโอรถยนต์ SUV รุ่นประกอบในประเทศ ด้วย Mercedes-Benz GLC รถยนต์เอสยูวีดีไซน์สปอร์ต เรียบหรู และทันสมัย มอบความสะดวกสบาย ในทุกๆ เส้นทางทั้งออนโรด และออฟโรด มาพร้อมสมรรถนะที่ดีเยี่ยมด้วยอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำ และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 5.1 ลิตร/100 กม. เอาใจสาวกครอสโอเวอร์ค่ายดาวสามแฉกด้วยรถยนต์สปอร์ตเอสยูวีโฉมใหม่ อย่าง Mercedes-Benz GLC Coupé ยนตรกรรมขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวี และดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ ยนตกรรมทั้งสองโมเดลยังมาพร้อมกับระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดอย่าง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่พัฒนามาจากนวัตกรรม AI และ บริการ ‘Mercedes me connect’ ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการได้อย่างไร้รอยต่อ 

Mercedes-Benz GLC นำเสนอในสองรุ่นย่อย ได้แก่ GLC 220 d ราคา 3,239,000 บาท และ GLC 220 d AMG Dynamic ราคา 3,699,000 บาท และสำหรับ Mercedes-Benz GLC Coupé นำเสนอในรุ่น GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic ราคา 4,040,000 บาท 

Mercedes-Benz GLC

Mercedes-Benz GLC 220 d เป็นรถยนต์ครอบครัวที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง สูบ และเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 1,950 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชมที่ 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 217 กม./ชม มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.1 ลิตร/100 กม. พร้อมกันนี้ ยังได้เพิ่มอุปกรณ์ใหม่อย่าง ชุดอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ในยามคับขันอีกด้วย อีกด้วย

Mercedes-Benz GLC

ดีไซน์ภายนอก มาพร้อมกับกระจังหน้าเสริมโครเมี่ยมแบบสามมิติที่ลาดต่ำลงเพื่อความสวยงาม ประดับด้วยสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลางบนลาย แถบ ลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างามไปพร้อมกัน โดยในรุ่น GLC 220 d มาพร้อมกับระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance headlamps และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว 5 ก้าน ในขณะที่รุ่น GLC 220 d AMG Dynamic มาพร้อมชุดไฟหน้าอัจฉริยะแบบ MULTIBEAM LED ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมความดุดันให้กับรถได้ ทั้งขณะเปิดหรือปิดไฟ พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ซึ่งประกอบ ด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง โดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ มาพร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 19 นิ้ว แบบ ก้านคู่ ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุดที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ในตัวเมืองด้วยความนุ่มนวล และสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่เลื่อนเปิดปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้า อีกด้วย

Mercedes-Benz GLC

ดีไซน์ภายใน ถูกออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย และกว้างขวาง เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครอบครัวโดยเฉพาะ มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย 550 ลิตร และสามารถบรรจุได้ถึง 1,600 ลิตรเมื่อพับเบาะที่นั่งด้านหลังลง การตกแต่งภายในของรุ่น GLC 220 d  จะตกแต่งด้วยลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood พร้อมเบาะหนัง ARTICO สีดำแบบ Comfort ที่ง่ายต่อการดูแลรักษา และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอ อินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถโดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ มีระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth สำหรับแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่ในรุ่น GLC 220 d AMG Dynamic จะเป็นระบบ All-Digital instrument display หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ รูปแบบ คือ Classic, Sporty และ Progressive และมีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย

Mercedes-Benz GLC

สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย  Mercedes-Benz GLC โฉมใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ มาพร้อมกับระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่ แบบ คือ ECO ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, INDIVIDUAL ที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, COMFORT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, SPORT และ SPORT+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น มีระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อม PARKTRONIC เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่ที่มาพร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง รวมถึงติดตั้งระบบกันสะเทือน AGILITY CONTROL ที่ช่วงล่างของรถยนต์เพื่อเสริมความนุ่มนวลในการขับขี่อีกด้วย

Mercedes-Benz GLC

นอกจากนี้ในรุ่น GLC 220 d AMG Dynamic ยังได้ติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® รวมถึงระบบความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนาขึ้นให้ดียิ่งขึ้น อาทิ ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC) ซึ่งทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้าในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น และลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ รวมทั้งช่วยเบรกด้วยระดับแรงเบรกประมาณ 50% ของแรงเบรกปกติ เพื่อรักษาระยะห่างตามที่ผู้ขับขี่กำหนด ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร (Blind Spot Assist) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์หรือจักรยานยนต์คันอื่นที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลัง จะเปลี่ยนช่องจราจร เป็นต้น

Mercedes-Benz GLC

Mercedes-Benz GLC Coupé โฉมใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ ยนตรกรรมที่ผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวีและความสปอร์ต โฉบเฉี่ยวของรถยนต์คูเป้เข้าไว้ด้วยกัน โดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว โดยรถยนต์รุ่นนี้มีกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าที่ชื่นชอบการขับขี่ทั้งในเมือง และนอกเมือง Mercedes-Benz GLC Coupé โฉมใหม่ รุ่นประกอบในประเทศไทย นำเสนอในรุ่น GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ  และเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 1,950 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร  ที่ความเร็วรอบ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 217 กม./ชม. โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ ที่ดูปราดเปรียวจากลายเส้นโค้งเว้า ให้ความรู้สึกพลิ้วไหว รวมถึงการออกแบบภายในที่เน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิมรวมถึงการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และระบบความปลอดภัยมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่าน

Mercedes-Benz GLC

ดีไซน์ภายนอก มาพร้อมฝากระจังหน้าแบบ diamond radiator grille มีสัญลักษณ์โลโก้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ตรงกลาง โคมไฟหน้าแบบ LED High-performance ที่มาพร้อม ไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นสายหลังคา และลายเส้นด้านข้าง ถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเน้นดีไซน์แบบเรียบหรู ล้ำสมัย เสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลัง และสง่างามไปพร้อมกัน ด้านท้ายเพิ่มความแข็งแกร่งดุดันด้วยปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม ท่อ พร้อมด้วยชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง), ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 19 นิ้ว ก้านคู่ สีเงินสลับดำ, ระบบกันสะเทือนแบบ Sports suspension, หลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

Mercedes-Benz GLC

ดีไซน์ภายใน มาพร้อมจุดเด่นภายในห้องโดยสาร อย่างแดชบอร์ดและคอนโซลกลางที่มีขอบลายเส้นที่ดูไหลลื่น โดยแผงคอนโซลที่มีขนาดใหญ่และถูกออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวนี้ วางทอดตัวยาวจากช่องลมระบบปรับอากาศบริเวณตรงกลางของแผงหน้าปัดลงมาจนถึง พนักวางแขนบริเวณกึ่งกลางระหว่างเบาะที่นั่งของผู้ขับขี่กับผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งเส้นสายบริเวณแผงคอนโซลที่ดูเรียบง่ายแต่เร้าอารมณ์ช่วยให้ห้องโดยสารดูกว้างขวาง เรียบง่าย และ ล้ำสมัยยิ่งขึ้น แผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่เป็นระบบ All-Digital instrument display หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัลขนาด 12.35 นิ้ว สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ รูปแบบ คือ Classic, Sporty และ Progressive นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ พร้อมเสริมความรู้สึกสปอร์ตให้มากขึ้น ด้วยระบบกันสะเทือน แบบ Sports suspension, ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO, ฟังก์ชัน ECO start/stop, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ โซนเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมบันทึกหน่วยความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถ พับได้แบบ Fully Folded ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บ ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้มีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่กว้างขวางด้วยความจุ 500-1,400 ลิตร ซึ่งนับเป็นความจุที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์กลุ่มเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถโดยผู้ขับขี่สามารถควบคุม และออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบ Bluetooth, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester®ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ตพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ชุดคันเร่ง และแป้นเบรกแบบสปอร์ต เบาะนั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ต พรมปูพื้นพร้อมสัญลักษณ์ AMG และระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร

Mercedes-Benz GLC

สำหรับเทคโนโลยีและความปลอดภัยของ GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic โฉมใหม่ มาพร้อมกับระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับ ความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® system, โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP®) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง, ระบบช่วย การนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันยาง (Tyre pressure loss warning system) เป็นต้น พร้อมทั้งระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system) และ ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร (Blind Spot Assist) ที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับรถยนต์ Mercedes-Benz GLC Coupé โฉมใหม่ รุ่นประกอบในประเทศโดยเฉพาะ

Mercedes-Benz GLC

นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่รองรับระบบ DYNAMIC SELECT ซึ่งมีโหมดการขับขี่ 5 แบบ คือ ECO ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, INDIVIDUAL ที่สามารถบันทึกรูปแบบการขับขี่ที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ได้, COMFORT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบาย, SPORT และ SPORT+ เน้นการเพิ่มความเร้าใจให้กับการขับขี่มากยิ่งขึ้น