Audi เดินหน้ายุทธศาสตร์ Road map E เพื่อผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดให้มากถึง 30 รุ่น ภายในปี 2025 โดยมีสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า 100% มากถึง 20 รุ่น จึงเป็นที่มาของการเผยโฉมแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 แบบ ให้สามารถครอบคลุมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายทุกเซ็กเมนต์
ซึ่งทางอาวดี้ ได้นำจุดแข็งของเครือ Volkswagen Group ที่ได้เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในแ่ละแบรนด์ แล้วนำมาแชร์ร่วมกันที่จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น อย่างเช่นแพลตฟอร์ม MEB evo ที่ได้รับการพัฒนาเป็น Audi e-Tron ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ประกอบกับจะมีการนำเสนอแพลตฟอร์ม MEB อีกรูปแบบหนึ่งที่ถูกพัฒนาเป็น VW ID 3
ซึ่งแพลตฟอร์ม MEB ดังกล่าวจะถูกพัฒนาให้กับรถยนต์คอมแพ็คคาร์ มีราคาที่ไม่แพง สามารถประยุกต์ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหลัง 1 ลูกก็ได้ หรือ 2 ลูกที่เพลาหน้า-หลังสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยรุ่นแรกที่จะนำเสนอนั้นจะเป็น 2021 All-New Q4 ที่มีมีมิติภายนอกคล้ายกับ Q3 แต่การตกแต่งจะหรูเทียบเท่า Q5
สำหรับรถ E-tron GT ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว จะถูกพัฒนาเป็นโฉมจำหน่ายจริง โดยจะเปิดตัวในปี 2020 เป็นต้นไป จะใช้แพลตฟอร์ม J1 จาก Porsche Taycan ที่เน้นด้านสมรรถนะและการควบคุมโดยเฉพาะ
และแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นมาร่วมกับ Porsche นั่นคือ PPE platform ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับรถอเนกประสงค์ 5 ประตูโดยเฉพาะ รองรับตั้งแต่แวกอน ครอสโอเวอร์ จนถึงเอสยูวีรุ่นใหญ่ จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้มีคุณสมบัติเหมือนกับ MEB แต่สามารถติดตั้งแบตเตอรี่ความจุสูง ระบบไฟฟ้า 800 โวลต์ และสามารถรองรับการชาร์จไฟที่มากถึง 350 กิโลวัตต์
นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม PPE จะได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นโช้คอัพถุงลม, ระบบพวงมาลัย 4 ล้อ, ระบบควบคุมแรงบิดที่ล้อ เป็นต้น โดยทางบริษัทฯ เตรียมเผยคอนเซ็ปต์คาร์รุ่นใหม่บนพื้นฐานแพลตฟอร์ม PPE ราวๆ ปี 2023 ในรูปแบบของ “Sportback-Layout” เตรียมติดตามชมกันให้ดี