หลังจากก่อนหน้านั้นได้มีภาพหลุดของว่าที่ Toyota Yaris ซับคอมแพ็คแฮทช์แบ็คโฉมใหม่ที่เผยรายละเอียดภายนอกให้ชมกันคร่าวๆ ล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัวพร้อมโชว์ตัวถังภายนอกภายในแบบชัด ๆ และข้อมูลเด่นๆ เตรียมนับถอยหลังเผยโฉมอย่างเต็มรูปแบบในงาน Tokyo Motor Show 2019 วันที่ 24 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป ซึ่งภาพที่ปรากฎนี้เป็นเวอร์ชั่นไฮบริด
การออกแบบภายนอกได้รับการถ่ายทอดภาษาการออกแบบใหม่ล่าสุด เน้นความโดดเด่น ให้อารมณ์ร่วมที่มากขึ้น ตัวถังจะมีความโค้งมนและดูบึกบึนมากขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้า Full LED ดีไซน์ใหม่ล่าสุด (ในเกรดรองๆ คาดอาจจะได้รับไฟหน้ามัลติรีแฟล็กเตอร์) ตัวหลังคากับกระจกมองข้างจะเป็นสีดำ ตัดกับตัวถังสีแดง
ด้านท้ายรถที่มาพร้อมกับบั้นท้ายที่บึกบึน ลงตัวกับไฟท้าย LED ขนาดใหญ่ พร้อมขอบดำ และส่วนของไฟนั้นจะยาวพาดกลางฝากระโปรงท้าย, กันชนท้ายสีดำเงา พร้อมล้ออัลลอยสีทูโทนขนาดราวๆ 15 นื้ว ปิดท้ายด้วยโลโก้สามห่วงพท้นหลังสีน้ำเงินที่เป็นไอคอนนิคของรถยนต์ไฮบริดจากโตโยต้า
ในครั้งนี้มาพร้อมกับรายละเอียดภายในที่ถูกออกแบบใหม่ ด้วยแพลตฟอร์ม GA-B ที่เป็นส่วนหนึ่งของ TNGA ได้รับการพัฒนาเพื่อมอบจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง และมอบความกว้างขวางในทุกมิติ รวมไปถึงด้านออพชั่นต่างๆ แทบล้ำและแน่นไม่แพ้ใคร
ไม่ว่าจะเป็น เรือนไมล์จอดิจิตอล TFT แบบแยก 3 จอ ทั้งมาตรวัดความเร็ว และจอแสดงข้อมูลขับขี่ TFT (ในรุ่นรองๆ อาจจะได้รับเรือนไมล์หน้าปัด พร้อมจอ TFT ตรงกลาง),จอ Head-up Display, จออินโฟเทนเมนต์ขนาดราวๆ 7-8 นิ้ว จาก JBL, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น, ระบบหมุมเบาะเข้า-ออกฝั่งคนขับ
ไฟส่องภายในห้องโดยสาร, กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ, เบาะนั่งผ้าผสมหนังเทียม และหลังคาซันรูฟ ส่วนระบบความปลอดภัยจะมีการบรรจุ Toyota Safety Sense และเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมระบช่วยจอดอัตโนมัติ Advanced Park ควบคู่กับถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่ง เป็นต้น เรียกได้ว่าในรุ่นไฮบริดออพชั่นจัดเต็ม
สำหรับข้อมูลขุมพลังนั้น ได้คาดการณ์กันว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.2 ลิตร เทอร์โบ รหัส “8NR-FTS” กับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร รหัส “1KR-FE” และ เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร รหัส “M15A” Dynamic Force ส่วนในเวอร์ชั่นไฮบริดอาจจะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์ 1LM ที่อัพเกรดใหม่ โดยรายละเอียดขุมพลังจะเปิดเผยในลำดับต่อไป
ทั้งนี้ Toyota Yaris Hybrid จะวางจำหน่ายเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 เป็นต้นไป ส่วนในเมืองไทยนั้นคาดว่าจะถูกลดออพชั่นไปบางรายการ และขุมพลังอาจจะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินความจุระหว่าง 1.0 – 1.2 ลิตร เพื่อคุมราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสู้กับคู่แข่งได้เป็นอย่างดี รายละเอียดที่เหลือติดตามกันได้ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
เครดิตข้อมูลและภาพประกอบ auto-motor-und-sport.de