การเดินทางมาถึงของ Corolla Altis ในเจเนอเรชั่นที่ 12 รถยนต์ระดับตำนานเเละเป็นโมเดลรุ่นที่ได้รับการตอบรับที่ดีทุกครั้งเเละเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Toyota เเละการมาของรุ่นล่าสุดเเน่นอนเรื่องความทนทานเป็นจุดขายอันโดดเด่นของรถยนต์ Corolla Altis มาทุกยุคสมัยนั่นมีแน่นอนอยู่เเล้ว เเต่ในเจนฯ ที่12 นี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่กับเครื่องยนต์ไฮบริดซึ่งถือเป็นรถยนต์ C Segment Sedan รุ่นเเรกในประเทศไทยที่มาพร้อมกับขุมพลังไฮบริดที่ให้ทั้งความประหยัด เเละสมรรถนะการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น
All New Corolla Altis ถูกปรับกลุ่มเป้าหมายใหม่จากเดิมคือกลุ่มผู้ใช้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เเต่สำหรับในเจนฯ 12 นี้มีการวางตำแหน่งของกลุมเป้าหมายใหม่โดยลดอายุของผู้ใช้ด้วยการเพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น มีความล้ำสมัยมากขึ้น สามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบที่หลากหลาย เเละให้สมรรถนะการขับขี่เเละความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นเเละสิ่งสำคัญที่สุดคือ All New Corolla Altis ยังคงเป็นรถยนต์ที่คุ้มค่าในการใช้งาน
ดีไซน์ภายนอก All New Corolla Altis ได้รับการยกระดับการออกแบบให้ดูมีความหรูหรามากขึ้น ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบให้มีการใช้งานจากผู้ขับขี่เเละผู้โดยสารที่ง่ายขึ้น กว้างขวางเเละใช้วัสดุที่มีคุณภาพ รวมถึงการนำแพลตฟอร์มจาก TNGA มาใช้ในเจเนอเรชั่นล่าสุดนี้ซึ่งผลที่ตามมาคือทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ลดลง 10 มม. เเละความเเข็งแกร่งของตัวถังที่เพิ่มขึ้นถึง 60% เช่นเดียวกับช่วงล่างที่ได้รับการอัพเกรดใหม่จากเดิมที่ใช้แบบคานบิดมาเป็นแบบปีกนกคู่ที่ให้ประสิทธิภาพลดการโคลงตัวของรถได้ดีขึ้นรวมทั้งให้ความรู้สึกสบายขณะนั่งโดยสาร รวมถึงช่วงล่างด้านหน้าที่ได้รับการปรับการสะท้านของพวงมาลัยที่มาจากล้อหน้าทำให้การควบคุมพวงมาลัยของผู้ขับขี่ทำได้ดีขึ้น
ดีไซน์ภายนอก All New Corolla Altis
• ไฟหน้า LED Projector เปิด – ปิด อัตโนมัติ
• ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights
• ไฟท้าย LED Rear Lamps
• ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
• ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) สามารถปลดล็อกประตูได้โดยอัตโนมัติ
ด้านเครื่องยนต์ All New Corolla Altis Hybrid ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดเจเนอเรชั่น 4 ซึ่งเป็นเจนฯ เดียวกับ New Camry เเละ CH-R ให้อัตราสิ้นเปลืองพลังงานได้ถึง 23.3 กม./ลิตร โดยตำแหน่งของแบตเตอรี่จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับ New Camry เเละ CH-R ที่ใต้เบาะนั่งด้านหลังพร้อมระบบลมช่วยระบายความร้อนของแบตเตอรี่ให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
All New Corolla Altis Hybrid ใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเบนซิน โดยมีการปรับจูนเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ให้มีอัตราเร่งตอบสนองที่ดีเยี่ยม ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ามอเตอร์ซิงโครนัสเเม่เหล็กถาวร แรงดัันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์ให้กำลังสูงสุดที่ 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบนิกเกิ้ลเมทัลไฮดราย เเรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ 28 โมดูล 168 เซลล์ ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์ เมื่อเครื่องยนต์เเละมอเตอร์ทำงานผสานกันจะให้กำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า จับคู่การทำงานกับเกียร์ E-CVT
ด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกของ All New Corolla Altis มีความใกล้เคียงกับรถยนต์ D Segment เช่น Camry มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นแอร์ด้านหลัง, หน้าจอ 7″, รองรับ Apple Carplay และ T-Connect Telematics เพื่อช่วยให้ไม่พลาดในทุกการเชื่อมต่อ ทุกที่ และทุกเวลา
ภายในเหนือกว่าทุกความสะดวกกับฟังก์ชันเหนือชั้น
• Head Up Display หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ
• Push Start ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ
• Optitron Meter with Multi Information Display 7” มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว
• Touchscreen 8” support Apple CarPlay with Navigator หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator รองรับ T-CONNECT
• Automatic Air Conditioning System ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
• Nanoe ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารสร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบเพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค
• Auto Folding Mirror กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ
• Wireless Charger แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย
• EC Mirror กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
• Auto Brake Hold ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และ Electric Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า
• Rear Air Conditioning ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง
• Rear Sunshade ม่านบังแดดที่กระจกหลัง
ระบบความปลอดภัย All New Corolla Altis ให้ความมั่นใจทุกการขับขี่กับระบบความปลอดภัยมาตรฐานได้แก่
1. ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Active Safety) All New Corolla Altis ได้เพิ่มระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor) และระบบช่วยเตือนในขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) อีกทั้งยังคงมีระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น
2. ระบบความปลอดภัยหลังการชน (Passive Safety) โดยตัวรถมีการเสริมโครงสร้างด้านหน้า เพื่อช่วยถ่ายเทแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ และโครงสร้างด้านข้างแบบวงแหวน ช่วยลดการยุบตัวจากการชน รวมทั้งมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มความมั่นใจในการปกป้องผู้โดยสารรอบคัน
3. Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด ที่มีระบบการทำงานเพิ่มเติมคือ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed range
ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์ คันหน้าและระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เอง แม้ในขณะเข้าโค้ง เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าในขณะขับขี่
ล่าสุด บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบการขับขี่ All New Corolla Altis Hybrid รุ่น Hybrid High ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสโมเดลที่ขายดีที่สุดที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้นคันกันทั้งในแบบ ออนโรด เเละออน เเทร็ค โดยในพาร์ทเเรกจะเป็นการทดสอบสมรรถนะการขับขี่แบบ ออน เเทร็ค ที่ TOYOTA DRIVING EXPERIENCE PARK ก่อนเป็นการสร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะขับออน โรด ในสเตชั่นการทดสอบตั้งแต่ สลาลม + สถานีเปลี่ยนเลนกะทันหัน เพื่อจับการบังคับการทรงตัวของรถ
จากนั้นเป็นการทดสอบอัตราเร่งในทางตรง, ทดสอบการเบรก ABS เเละเสริมเเรงเบรก BA เเละระบบควบคุมการทรงตัว VSC บนสภาพพื้นถนนแบบปกติเเละลื่น ทดสอบระบบช่วงล่างการสั่นสะเทือนของรถเมื่อขับผ่านช่วงพื้นถนนที่ขรุขระเเละเสียงจากล้อที่เข้ามาภายในห้องโดยสาร เเละปิดท้ายที่ระบบ Dynamic Radar Cruise Control ที่สามารถปรับลดความเร็วตามรถยนต์คันหน้า
มาถึงในพาร์ทขับขี่นถนนจำลองสถานการณ์การใช้งานจริงบนนเส้นทางกรุงเทพ – พัทยา โดยวิ่งเส้นหลักใช้มอเตอร์เวย์ มีเเวะพักฉะเชิงเทราเพื่่อทานอาหารกลางวันกันเล็กน้อย หลังจากที่กดปุ่ม Push Start สิ่งเเรกที่สัมผััสได้คือความเงียบของเครื่องยนต์หากไม่มองที่จอหน้าปัดก็เเทบไม่รู้ว่าได้มีการสตาร์ทเครื่องยนต์เเล้ว การออกตัวทำได้ทันใจอัตราเร่งช่วงต้นทำได้น่าประทัับใจ ขณะเดียวกันเมื่อความเร็วแตะที่ 100 กม./ชม. หากต้องการเติมคันเร่งต่อในจังหวะที่ต้องการชูตเเซง All New Corolla Altis เเทบจะเรียกว่าเรียกปุ๊บมาปั๊บตอบสนองความต้องการทันที อัตราเร่ง 120 – 150 กม./ชม. ต้องบอกว่า All New Corolla Altis สามารถทำได้สบายๆ ตอบโจทย์การขับขี่แบบเดินทางไกลต่างจังหวัดได้ดี
การมาของ All New Corolla Altis Hybrid ต้องบอกว่าคุ้มค่าอย่างมาก คุ้มยังไง? เพราะ Corolla Altis Hybrid ในรุ่นท็อปเมื่อเทียบราคากับ Corolla Altis ตัวท็อปในเจนฯ เก่ามีราคาที่เพิ่มขุึ้นมาเพียง 6,000 เท่านั้น!! ราคาที่เพิ่มไม่ถึงหมื่นบาทเเต่ Toyota กลับให้เทคโนโลยีกับลูกค้าเเทบจะล้นคันแบบนี้ไม่เรียกว่าคุ้มไม่ได้เเล้ว ฉะนั้นหากใครที่ยังยึดติดเกี่ยวกับความคิดเดิมๆ ของรถยนต์ไฮบริดว่าเป็นรถยนต์ที่มีราคาตั้งต้นสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินมาก ต่อด้วยคความกังวลในเรื่องของค่าดูเเลรักษาระหว่างการใช้งาน เเละสุดท้ายเรื่องของราคาขายต่อ ต้องบอกว่า All New Corolla Altis Hybrid ได้ทำลายกรอบความเชื่อเดิมๆ ของคุณด้วยการมาในครั้งนี้ที่ราคาจำหน่ายสูงกว่าเครื่องยนตเบนซินไม่กี่บาท ดูได้จากรุ่น Hybrid ที่มีราคาต่ำกว่า 1ล้านถึง 2 รุ่น ขระเดียวกันก็มีรายการเมนเทนแนนซ์เเพ็คเกจสำหรับรถใหม่ที่เพิ่มขึ้นจาก 3 ปีเป็น 5ปี เเละฟรีค่าเเรงเช็คระยะอีก 5ปี
All New Corolla Altis มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น 7 สี ได้แก่ White Pearl*, Super White II, Silver Metallic, Phantom Brown, Attitude Black Mica, Red Mica Metallic เเละ Celestite Gray (สีใหม่)
All New Corolla Altis รุ่นเครื่องยนต์ Hybrid ราคาจำหน่าย
-Hybrid High เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,099,000 บาท
-Hybrid Mid เกียร์อัตโนมัติ ราคา 989,000 บาท
–Hybrid Entry เกียร์อัตโนมัติ ราคา 939,000 บาท
(*สำหรับสีพิเศษ White Pearl มีเฉพาะรุ่น Hybrid และเครื่องยนต์ 1.8 GR-Sport เพิ่ม 10,000 บาท)
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน- 1.8 GR-Sport** เกียร์อัตโนมัติ ราคา 999,000 บาท***
(**มี 3 สี White Pearl, Red Mica Metallic, Attitude Black Mica)
– 1.6G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 869,000 บาท***
– Limo เกียร์อัตโนมัติ ราคา 829,000 บาท***
***ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
พิเศษสำหรับลูกค้า All-New Corolla Altis ผ่อนเริ่มต้นเพียง 8,500 บาท ต่อเดือนหรือ เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% นาน 48 เดือน / ร่วมสัมผัสและทดลองขับ All-New Corolla Altis ได้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน เป็นต้นไปและศูนย์ทดสอบขับรถ Toyota Driving Experience Park (บางนา กม.3)