Mercedes-Benz Mercedes-Benz GLE The new Mercedes-Benz GLE เมอร์เซเดส-เบนซ์

Mercedes-Benz ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวี The new Mercedes-Benz GLE

บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่มเอสยูวี “Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic” ที่พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอันไร้ขีดจำกัดในทุกเส้นทางทั้งออนโรดและออฟโรด ด้วยการขับเคลื่อนอย่างมีสไตล์จาก    ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร โดยรถยนต์รุ่นนี้พร้อมเติมเต็มทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยหลากหลายฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นครั้งแรก ทั้งเบาะที่นั่งแถวที่ 3 จำนวน 2 ที่นั่ง   ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่พัฒนามาจากนวัตกรรม AI และบริการ ‘Mercedes me connect’ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส–เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดย “Mercedes-Benz…

Home / AUTO / Mercedes-Benz ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวี The new Mercedes-Benz GLE

บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทยจำกัด แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่มเอสยูวี “Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic” ที่พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอันไร้ขีดจำกัดในทุกเส้นทางทั้งออนโรดและออฟโรด ด้วยการขับเคลื่อนอย่างมีสไตล์จาก    ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร โดยรถยนต์รุ่นนี้พร้อมเติมเต็มทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยหลากหลายฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นครั้งแรก ทั้งเบาะที่นั่งแถวที่ จำนวน ที่นั่ง   ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่พัฒนามาจากนวัตกรรม AI และบริการ ‘Mercedes me connect’ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดย “Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic” จำหน่ายในราคา 6,060,000บาท ผู้ที่สนใจสามารถไปสัมผัส Mercedes-Benz GLE ได้ที่งาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ สตาร์เฟส” ณ เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม ระหว่างวันที่ 21 – 27 สิงหาคม และจะเคลื่อนคาราวานไปทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้

l

มร.โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทยจำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ริเริ่มทำการตลาดรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีระดับพรีเมี่ยมขึ้นเป็นครั้งแรก ในปีพ.ศ. 2540ผ่านการเปิดตัว M-Class ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก ด้วยการทำให้ลูกค้ากว่าสองล้านคนตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์สไตล์ออฟโรดนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งสำหรับรถยนต์ GLE นั้นได้รับการแนะนำออกสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2558 โดยวางตำแหน่งเป็นเอสยูวีในตระกูล E-Class ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์ตระกูลเอสยูวีที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์

5

“ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำเสนอรถยนต์ในตระกูลเอสยูวีทั้งหมด 7 รุ่น ได้แก่ GLA, GLC, GLC Coupé, GLE, GLE Coupé, GLS และ G-Class ซึ่งทุกรุ่นได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จากการที่ลูกค้ามากกว่าห้าล้านคนทั่วโลกเลือกซื้อเพื่อเป็นเจ้าของ โดยรถยนต์กลุ่มเอสยูวีถือเป็นเสาหลักสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นอย่างมาก” มร.โรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม

มร.บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทยจำกัด กล่าวว่า “สำหรับ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ถือเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรมจากตระกูลเอสยูวี ที่สะท้อนตัวตนในฐานะรถยนต์สไตล์ออฟโรดที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ แต่ยังคงความหรูหราทันสมัยได้เป็นอย่างดี โดยรถยนต์รุ่นนี้โดดเด่นด้วยการเพิ่มเติมหลากหลายฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ใหม่เพื่อเอาใจแฟนดาวสามแฉกโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) สามารถเชื่อมโยงผู้ขับขี่เข้ากับเทคโนโลยีอันชาญฉลาดเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว ผ่านระบบการสั่งการด้วยเสียงที่สามารถจดจำข้อมูล และเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ของผู้ขับขี่ เพื่อแจ้งเตือน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้ง่ายและเหมาะสมที่สุด บริการ ‘Mercedes me connect’ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส และสุดท้ายกับเบาะนั่งแถวที่ 3 สำหรับผู้โดยสาร 2 คน ทำให้รถยนต์ The GLE สามารถบรรจุผู้โดยสารสูงสุดได้ถึง 7 ที่นั่ง พร้อมยังปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลายตามต้องการอีกด้วย”

5

 ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic

ดีไซน์ภายนอก ของรถยนต์ The new GLE เป็นผลลัพธ์จากการผสมผสานที่ลงตัวของคุณสมบัติอัจฉริยะและสุนทรียะทางการออกแบบ เพื่อให้รถยนต์รุ่นใหม่นี้มีรูปลักษณ์ที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณของผู้เป็นเจ้าของได้ตั้งแต่แรกเห็น โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญด้านงานออกแบบเพื่อขับเน้นเพียงองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของตัวรถเท่านั้น ทั้งการสรรสร้างผลิตภัณฑ์ให้สวยงามเหนือกาลเวลา การใช้เทคโนโลยีงานออกแบบชั้นเลิศ และคุณภาพของงานประกอบ

สัดส่วนของตัวรถจะเป็นแบบฐานล้อยาว มีระยะจากกันชนถึงดุมล้อสั้น และใช้ยางขนาดใหญ่ที่เหมาะสมกับการใช้งานในทุกสภาพถนน นักออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยึดปรัชญาการออกแบบSensual purity โดยมีการปรับส่วนที่เป็นเหลี่ยมมุมต่างๆ ของตัวถังให้มีความโดดเด่นและสอดรับกับทั้งลักษณะตัวถังและแพลทฟอร์มของรถมากขึ้น

ส่วนหน้าของรถยนต์ The GLE เปี่ยมไปด้วยพลังและความโดดเด่น ด้วยกระจังหน้าลาย 6 เหลี่ยมที่ยกตัวสูง แผ่นกันกระแทกชุบโครเมี่ยมที่ดูสอดรับกับฝากโปรงหน้าที่มีช่องรับอากาศ powerdomes และชุดไฟหน้าอัจฉริยะแบบ MULTIBEAM LED ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมความดุดันให้กับรถได้ทั้งขณะเปิดหรือปิดไฟ รวมไปถึงไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างเป็นรูปตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อมองจากด้านข้าง ผู้เป็นเจ้าของจะพบกับเสาซีที่มีลักษณะกว้างซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ทางการออกแบบของรถยนต์ตระกูล The GLE ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาให้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ดึงดูดสายตาด้วย AMG Bodystyling รอบคัน ทั้งกันชนหน้า-กันชนหลัง-สเกิร์ตข้าง ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 21 นิ้ว ซึ่งล้อทั้งสี่จะอยู่ในซุ้มล้อที่เป็นวงโค้งสวยงาม ด้านท้ายของรถมีลักษณะแผ่กว้างและดูทรงพลัง โดยมีจุดเริ่มต้นจากเสาซีทอดมาถึงไฟหลัง เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงด้านหลังในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าเดิมเพื่อสร้างลูกเล่นให้ไฟหลังดูมีลักษณะราบเรียบยิ่งขึ้น

8

ดีไซน์ภายใน เป็นการผสานเข้าด้วยกันของความหรูหราและสง่างามตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และความโฉบเฉี่ยว ดุดัน แข็งแกร่งแบบเอสยูวี ฐานล้อของ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic มีความยาวถึง 2,995 มิลลิเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 80 มิลลิเมตรจากรุ่นก่อนหน้า ห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยโครเมียม ด้านบนของคอนโซลหน้า (dashboard) และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa โดยเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ พร้อมมอบความสะดวกสบายระดับพรีเมี่ยมด้วยเบาะนั่งแถวที่สองที่สามารถปรับองศาการเอนของพนักพิงและพับเบาะได้ง่าย ด้วยระบบไฟฟ้าแบบ 1/3 และ 2/3 พร้อมทั้งยังสามารถปรับเพิ่มพื้นที่วางขาได้มากถึง 69-1,049 มิลลิเมตร เพื่อสามารถเข้าไปถึงแถวที่สามได้สะดวก ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์นับเป็นแบรนด์แรกของโลกที่นำเสนอฟังก์ชันนี้ในกลุ่มรถยนต์เอสยูวี นอกจากนี้ ความจุของห้องเก็บสัมภาระด้านหลังยังมีสูงถึง 855 ลิตร และเพิ่มได้สูงถึง 2,055 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สองและแถวที่สามลง รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

6

ระบบความสะดวกและการสื่อสาร กับครั้งแรกของระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit ขนาดใหญ่พิเศษ 12.3นิ้ว จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลของหน้าจอเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการขับขี่ที่หลากหลาย ที่ใช้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัสสำหรับหน้าจอแสดงผลข้อมูลส่วนกลาง รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งสามารถประมวลผลประโยคที่ใกล้เคียงกับคำสั่งทั่วไปได้ เพียงพูดว่า ‘Hey Mercedes’ และตามด้วยคำสั่งเช่น ‘I’m cold’ ระบบจะทำการปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมพร้อมทั้งจดจำ และเรียนรู้การสั่งงานของคุณได้ เพื่อสร้าง
ความเชื่อมโยงระหว่างคุณกับรถได้อย่างไร้ที่ติ โดยรถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ให้คุณเข้าถึงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน โดยระบบจะแสดงข้อมูลในระดับสายตาที่ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และสามารถปรับความเข้มของการแสดงผล ปรับตำแหน่งของการแสดงผล และปิดระบบได้หากไม่ต้องการใช้งาน รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto) ช่อง USB Type C บริเวณที่นั่งทุกแถว ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad ที่วางแก้วน้ำแบบควบคุมอุณหภูมิ และไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (ambient lighting)

5

โดยในรถยนต์ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic ยังมาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อันโดดเด่นมากมาย อาทิ

  • Mercedes-Benz emergency call system บริการที่จะคอยช่วยเหลือคุณจากสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือในขณะที่คุณได้รับอุบัติเหตุ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จะทำการติดต่อไปยัง Emergency Customer Contact Center ศูนย์บริการฉุกเฉิน ที่จะช่วยประสานงานด้านความปลอดภัย เพื่อช่วยเหลือให้คุณได้รับความปลอดภัยสูงสุด
  • ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics ด้วยบริการ Remote Retrieval of Vehicle Status ที่จะคอยรายงานสถานะของรถยนต์ไปยัง Mercedes me และด้วยบริการ Telediagnostics ที่จะคอยส่งข้อมูลและสถานะของรถยนต์ไปยังศูนย์บริการที่คุณเลือกเมื่อตรวจพบความเสียหายเพื่อให้คุณได้รับการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุด
  • ระบบแผนที่นำทาง Navigation System ระบบนำทางพร้อม Live Traffic Information แบบออนไลน์อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และสามารถป้อนข้อมูลที่ต้องการได้ผ่านทัชแพด
  • ระบบตั้งค่ารถยนต์ (Pre-installation for Vehicle Set-up) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารด้วยโทรศัพท์มือถือ
    (Remote Engine Start) ปลอดภัยไปอีกขั้นกับระบบ Remote Door Lock/Unlock ที่ช่วยให้คุณสามารถล็อกรถได้จากทุกที่ทั่วโลก ให้คุณไร้ความกังวลเรื่องความปลอดภัยและมั่นใจได้ว่ารถยนต์ของคุณจะอยู่ในการควบคุมตลอดเวลาเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางกับความสบายในแบบที่คุณควบคุมได้ด้วยระบบ Remote Engine Start ช่วยให้คุณสตาร์ทพร้อมเปิดระบบปรับอากาศและออกเดินทางไปกับความเย็นสบาย ในแบบที่ คุณควบคุมได้เอง และในวันที่คุณต้องเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ คุณก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องตำแหน่งที่จอดรถอีกต่อไปด้วยระบบ Parked Vehicle Locator ที่ช่วยแสดงตำแหน่งของรถยนต์ภายในรัศมี 1.5 กิโลเมตร เพื่อให้คุณค้นหารถยนต์ที่จอดไว้ได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึง Vehicle Tracker ระบบที่ติดตามตำแหน่งรถยนต์ผ่าน GPSและยังมีระบบ Geofencing ฟังก์ชันที่ช่วยจำกัดพื้นที่การขับขี่ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ารถยนต์    เมอร์เซเดส-เบนซ์ของคุณจะปลอดภัยและอยู่ในการควบคุมของคุณ

6

ระบบความปลอดภัย ของ The new GLE ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC) ซึ่งทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกระจังหน้าในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น และลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ รวมทั้งช่วยเบรกด้วยระดับแรงเบรกประมาณ 50% ของแรงเบรกปกติ เพื่อรักษาระยะห่างตามที่ผู้ขับขี่กำหนด
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist) ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์หรือจักรยานยนต์คันอื่นที่อยู่ในจุดอับสายตาในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนช่องจราจร
  • ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist) ระบบที่ช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนช่องจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งระบบนี้จะทำงานโดยการใช้สัญญาณเรดาร์ ในการตรวจจับช่องจราจรและรถยนต์ที่อยู่ในช่องจราจรอื่น หากระบบตรวจพบความเสี่ยงที่จะชนกับรถยนต์คันอื่น ระบบจะช่วยดึงรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิมโดยอัตโนมัติด้วยการเบรกล้อฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับรถยนต์ที่ตรวจจับได้

l

รวมถึงระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง Electronic Traction System 4ETS สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย