จากกฎหมายเดิม ผู้ขับขี่ต้องแสดงใบขับขี่ให้กับเจ้าพนักงานจราจรเมื่อเวลาเรียกให้จอด ซึ่งในบางครั้งหากมีการทำผิดกฎจราจรทางเจ้าพนักงานจราจรจะมีสิทธิ์ยึดใบขับขี่ได้ ทว่าได้มีการอัพเดทข้อกฎหมายฉบับใหม่ล่าสุด เจ้าพนักงานจราจรไม่มีสิทธิ์ยึดใบขับขี่โดยเด็ดขาด เพื่อสร้างความสบายใจในการแสดงใบขับขี่ต่อเจ้าพนักงานจราจร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มมีผลบังคับใช้ 20 กันยายน 2562 เป็นต้นไป
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.ร.บ. จราจรทางบกฉบับที่ 12 ประจำปี พ.ศ. 2562 โดยมีเนื้อหาสำคัญอยู่ในมาตรา 31/1 ว่า “ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว”
ประกอบกับทาง พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งศึกษาทำความเข้าใจกฎหมายก่อนมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 กันยายนที่จะถึงนี้
นั่นหมายความว่าเมื่อผู้ขับขี่ถูกเจ้าพนักงานจราจรเรียกขอดูใบขับขี่ ก็ต้องส่งใบขับขี่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ แต่จะไม่สามารถยึดใบขับขี่เหมือนในสมัยก่อนได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นตัวบัตร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ใบขับขี่ดิจิทัล) เพียงแต่ว่าหากผู้ขับขี่ทำผิดก็จะยังคงรับใบสั่งและเสียค่าปรับตามปกติ ไม่ว่าจะได้รับใบสั่งจากทางเจ้าพนักงานจราจร หรือใบสั่งที่ส่งมาจากไปรษณีย์
ควบคู่กับการใช้ระบบหักคะแนนความประพฤติในฐานระบบแทน หากผู้ขับขี่มีคะแนนความประพฤติเหลือ 0 ก็จะถูกพักการใช้ใบขับขี่และไม่อนุญาตให้ขับรถบนท้องถนนสาธารณะ
ทว่าหากผู้ขับขี่ไม่พกใบขับขี่หรือใบขับขี่ดิจิทัลในระหว่างใชัรถใช้ถนน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็จะได้รับโทษทั้งจำคุกหรือถูกปรับ ดังนั้นเวลาขับขี่ควรพกใบขับขี่ไว้กับตัวเสมอและไม่ทำผิดกฎจราจรจะดีที่สุด