ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี สนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หนึ่งในนั้นคือการแปรสภาพขวดพลาสติกเป็นแผ่นปิดใต้ท้องรถของรถยนต์และรถอเนกประสงค์ทุกคัน รวมถึงขอบล้อของรถกระบะรุ่น F-Series
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 ฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรถยนต์เจ้าแรกที่นำพลาสติกรีไซเคิลมาใช้ผลิตขอบล้อของ Ford Fiestaสำหรับตลาดยุโรป ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาทางด้านอากาศพลศาสตร์ หรือแอโรไดนามิค เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีความต้องการแผ่นปิดใต้ท้องรถ การใช้พลาสติกในชิ้นส่วนดังกล่าวก็เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกอย่างก้าวกระโดด ฟอร์ดใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิลกว่า 1,200 ล้านขวดต่อปี หรือ 250 ขวดต่อคันโดยเฉลี่ย ในการผลิตส่วนประกอบรถยนต์
ขั้นตอนการผลิตนั้น เริ่มจากขวดพลาสติกในถังขยะรีไซเคิลที่ถูกเก็บมาหลายพันขวดและย่อยให้เป็นชิ้นเล็กๆ โดยทั่วไปเศษพลาสติกจากขั้นตอนนี้จะนำไปขายให้กับบริษัทที่แปรรูปพลาสติกให้เป็นไฟเบอร์ ด้วยการละลายและกรองออกมา ไฟเบอร์ที่ได้จะนำมาผสมกับไฟเบอร์ชนิดอื่นๆ ในขั้นตอนกระบวนการผลิตเส้นใยและนำมาทำเป็นแผ่นวัสดุก่อนจะนำไปผลิตเป็นส่วนประกอบรถยนต์อีกที
ด้วยน้ำหนักที่เบา ทำให้พลาสติกรีไซเคิลกลายเป็นวัสดุที่เป็นที่ต้องการสำหรับผลิตแผ่นปิดใต้ท้องรถ และขอบล้อหน้าและหลัง ซึ่งจะช่วยเพิ่มสมรรถนะของตัวรถเชิงอากาศพลศาสตร์ ประกอบกับมีคุณสมบัติที่ทนทานและน้ำหนักเบากว่าการใช้วัสดุพลาสติกแข็งเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญแผ่นปิดใต้ท้องรถนี้ยังช่วยให้ลดเสียงรบกวนให้กับรถฟอร์ด เอสเคป โฉมใหม่ รุ่นปี 2020 อีกด้วย
ในเชิงสิ่งแวดล้อม การใช้พลาสติกรีไซเคิลในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ช่วยลดจำนวนพลาสติกที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติ เช่น กองขยะพลาสติกมหึมาในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่อาจมีขนาดใหญ่กว่าประเทศเม็กซิโกเสียอีก