All-New Chevrolet Captiva ที่เตรียมจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 จะได้รับประโยชน์จากกลยุทธ์การปรับขนาดเครื่องยนต์ให้มีความเหมาะสม ของเจอเนอรัล มอเตอร์ (GM) การติดตั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กลง และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานมากขึ้น โดยมีเทอร์โบชาร์จเจอร์และเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ ที่ให้แรงม้าและแรงบิดเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ
รถอเนกประสงค์ เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นใหม่ ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 4 สูบ ทำงานร่วมกับระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ (CVT) ที่พัฒนาร่วมกับบอช (Bosch) โดยมีเทอร์โบชาร์จมอบประสิทธิภาพและพละกำลังในการขับขี่ ทำงานร่วมกับระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ ที่ใช้เซ็นเซอร์ในการประมวลสภาพถนน เพื่อเพิ่มหรือลดอัตราการเร่งที่มี 8 ระดับ อย่างนุ่มนวลผ่านโปรแกรมคำนวนอัจฉริยะ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ขับขี่ และยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ (Eco) หรือโหมดสปอร์ต (Sport)
เครื่องยนต์ดังกล่าว ได้มอบพลังขับเคลื่อน 143 แรงม้า (105 กิโลวัตต์) ด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ใหม่ล่าสุดจากฮันนี่เวล (Honeywell) เริ่มทำงานที่ 1,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตร (184 ฟุต-ปอนด์) ที่ 1,600 – 3,600 รอบต่อนาที มอบพลังตอบสนองทันใจทุกความต้องการ ด้วยแรงบิดอันทรงพลังทำให้รถอเนกประสงค์ แคปติวา รุ่นใหม่ สามารถเร่งความเร็วและขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ดั่งใจ ประกอบกับ เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบการเผาไหม้ประสิทธิภาพสูง ให้แรงบิดได้อย่างรวดเร็วพร้อมระบบเผาไหม้ที่สมบูรณ์ รวมถึงระบบไอเสียที่ปรับความดันอย่างเหมาะสม เพื่อประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับการออกแบบรถอเนกประสงค์รุ่นนี้ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบล่องหน เครื่องยนต์ของ Chevrolet Captiva รุ่นใหม่ก็ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน อาทิ เหล็กที่มีความแข็งแกร่งพิเศษ ทนความร้อนสูง และน้ำหนักเบา มั่นใจด้วยการทดสอบเครื่องยนต์มากกว่า 10,000 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบในสภาวะที่ร้อนจัดและเย็นจัด ไปจนถึงการทดสอบการขับขี่ ในสภาวะจำลองกว่า 300,000 กิโลเมตร คุณจึงมั่นใจได้ว่า แคปติวา รุ่นใหม่ พร้อมที่จะพาคุณไปได้ไกลตามที่ใจต้องการ
รถอเนกประสงค์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่น 2.4 ลิตร เดิม โดยมีน้ำหนักน้อยลงกว่าเดิมถึง 200 กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นรุ่น 5 หรือ 7 ที่นั่ง ผลลัพธ์ คือ รถยนต์ที่มีน้ำหนักลดลงจะใช้พละกำลังน้อยลงในการคงสมรรถนะเดิมไว้
เทอร์โบชาร์จจื้ง เป็นเทคโนโลยีที่จีเอ็มนำมาใช้เพิ่มพละกำลังและสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์ขนาดเล็ก เครื่องยนต์เทอร์โบของจีเอ็มได้รับการติดตั้งในรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลที่ใช้น้ำมัน จาก 5% ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 49% ในปี 2560 ประสิทธิภาพของเทอร์โบชาร์จเจอร์เปรียบได้กับการที่รถยนต์หนึ่งคันมีเครื่องยนต์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งช่วยในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ขณะที่อีกเครื่องหนึ่งนั้นเป็นขุมพลังให้กับรถยนต์ ในสภาวะการขับขี่ทั่วไป รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเจอร์ในขนาดที่เหมาะสม จะประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แต่ไม่มีเทอร์โบชาร์จเจอร์
พละกำลังของเทอร์โบชาร์จเจอร์เกิดจากการไหลเวียนของอากาศภายในเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการอัดอากาศเข้ากระบอกสูบมากขึ้น ทำให้การทำงานของเครื่องยนต์โดยเฉพาะอัตราเร่งเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้ใช้การดึงไอเสียจากรถยนต์ไปหมุนใบพัด ช่วยในการอัดมวลอากาศเข้าไปในเครื่องยนต์ เพื่อเพิ่มพละกำลังให้กับเครื่องยนต์
ทั้งหมดนี้ ทำให้รถอเนกประสงค์ All-New Chevrolet Captiva เป็นตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นว่า เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ ทำให้รถรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ให้แรงบิดสูงสุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ประเภทเดียวกัน มอบประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น ขับขี่ได้สนุกเร้าใจทุกเส้นทาง