ขับรถลุยน้ำ น้ำท่วม น้ำท่วมขัง ระดับความสูงของน้ำ

น้ำท่วม ระดับไหนไม่ควร ขับรถลุยน้ำ และส่งเกิดผลเสียต่อรถคุณอย่างไร?

วิธีการสังเกตระดับน้ำบนท้องถนน ว่าระดับน้ำเเค่ไหนที่ควรไปต่อ แบบไหนที่ควรถอย เเละผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจาก ขับรถลุยน้ำ

Home / AUTO / น้ำท่วม ระดับไหนไม่ควร ขับรถลุยน้ำ และส่งเกิดผลเสียต่อรถคุณอย่างไร?

เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแบบนี้ แน่นอนว่าการขับขี่ช่วงนี้ผู้ใช้รถต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมขังบนท้องถนนที่ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันที ซึ่งในกรณีนี้เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จำเป็นจะต้องเสี่ยง ขับรถลุยน้ำ ที่หลายคนย่อมมีความกังวลในเรื่อง ระดับน้ำที่ท่วมสูง ว่าจะสามารถลุยต่อได้หรือไม่ เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายตามมา วันนี้เรามีวิธีการสังเกตระดับน้ำบนท้องถนน ว่าระดับน้ำเเค่ไหนที่ควรไปต่อแบบไหนที่ควรถอย เเละผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจาก ขับรถลุยน้ำ ที่เกิดขึ้นกับรถของคุณ

น้ำท่วม ระดับไหนไม่ควร ขับรถลุยน้ำ

jj

ระดับน้ำ 5-10 เซนติเมตร เป็นระดับน้ำที่ท่วมน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย สามารถขับรถผ่านไปได้ โดยไม่มีความเสี่ยงต่อการเดินรถยนต์มากนัก แต่หลังจากลุยน้ำอาจจะเกิดสนิมขึ้นใต้ท้องรถ หากไม่มีการดูแลรักษา แต่ผู้ขับขี่ก็ควรมีสติ และใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นไม่ควรใช้ความเร็วสูงในการขับขี่ ฉะนั้นอาจจะให้เกิดอุบัติเหตุถนนลื่น สูญเสียการควบคุมได้

ll

ระดับน้ำ 10-20 เซนติเมตร เป็นปริมาณน้ำที่น้ำท่วมขังแล้ว แต่รถทุกประเภทยังสามารถขับรถลุยน้ำได้ ขับผ่านไปได้สบายๆ โดยไม่มีปัญหาต่อเครื่องยนต์ แต่รถขนาดเล็กจะได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมใต้ท้องรถ และยังมีโอกาสที่เข้าจะไปในตัวรถ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรใช้ความเร็ว และใช้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

ระดับน้ำ 20-40 เซนติเมตร เป็นรถระดับที่ค่อนข้างเสี่ยงกับรถเก๋ง รถขนาดเล็ก โดยปัจจุบันส่วนใหญ่ มักจะถูกออกแบบมาให้มีความสูงจากระดับพื้น 15 -17 เซนติเมตรเท่านั้น จึงทำให้การขับรถลุยน้ำระดับนี้ คงเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากสำหรับรถเก๋งขนาดเล็ก อาจทำให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่ก็ยังสามารถลุยน้ำผ่านไปได้  ไม่ควรใช้ความเร็ว ในส่วนรถกระบะก็ยังสามารถขับลุยน้ำไปได้

ll

ระดับน้ำ 40-60 เซนติเมตร เป็นอันตรายกับรถเก๋งและขนาดกลางทุกประเภท ซึ่งปริมาณน้ำที่สูง ควรที่จะหลีกเลียงการขับลุยน้ำ  แต่สำหรับรถที่มีความสูงอย่าง รถกระบะ ยังสามารถขับฝ่าไปได้  โดยแนะนำควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ให้ช้าลง เพื่อไม่ให้เกิดคลื่นน้ำซัดเข้าหารถจากรถที่สวนมาในเลนตรงข้าม เพื่อลดความเสี่ยงที่น้ำจะกระจายเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ และควรปิดเครื่องปรับอากาศ  เพื่อป้องกันพัดลมแอร์หน้ารถ ดูดเอาละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์ดับ

bb

ระดับน้ำ 60-80 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระดับน้ำที่เป็นอันตรายกับรถยนต์ทุกชนิด ไม่ควรที่จะขับลุยน้ำเด็ดขาด เนื่องจากน้ำจะไหลเข้าห้องเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ และหยุดการทำงาน รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหายในระบบต่างๆอีกด้วย

kk

ระดับน้ำ 80 เซนติเมตร ขึ้นไป  ระดับน้ำที่สูงสุดที่รถยนต์ทุกประเภท ที่ไม่สามารถจราจรไปได้ ในระดับนี้ท่วมถึงไฟหน้า และฝากระโปรงขึ้นมา ถือว่าเป็นปริมาณน้ำอันตรายต่อเครื่องยนต์

สิ่งที่ต้องรับมือเมื่อต้องขับรถลุยน้ำ

  1. ประเมินสถานการณ์ระดับน้ำ
  2. ปิดระบบการทำงานเครื่องปรับอากาศ และระบบไฟฟ้า
  3. ใช้เกียร์ต่ำ เลี้ยงรอบเครื่องไม่ให้ต่ำกว่า 1,500 -2,000 รอบต่อนาที  หากเกินจะส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ
  4. ไม่ควรเร่งเครื่อง
  5. ลดความเร็วขณะที่ขับรถสวนกัน
  6. เว้นระยะห่างจากรถคันหน้า
  7. หากรถดับ ไม่ควรสตาร์ทรถ เพราะยิ่งสตาร์ทจะทำให้น้ำเข้าสู่เครื่องยนต์

หลังจากขับรถลุยน้ำควรตรวจเช็คการทำงานของระบบเบรกเป็นอันดับแรก โดยการขับให้ช้าลง และเบรกเป็นช่วงๆ เพื่อให้เบรก และดิสก์เบรกแห้งเร็ว ส่วนรถที่ใช้การทำงานดรัมเบรกจะแห้งช้ากว่า ควรเพื่อความระมัดระวังและขับขี่ให้ช้าลง อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ขับขี่บนท้องถนน ต้องประเมินสถานการณ์ของระดับน้ำ ไม่ว่าระดับประมาณน้ำจะท่วมสูงแค่ไหน ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก  เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตได้ ทั้งตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทาง


MOMAX UV PEN PORTABLE SANITIZER เครื่องฉายแสง UV ฆ่าเชื้อโรคแบบพกพา

เครื่องฉายแสง UV ฆ่าเชื้อโรคแบบพกพา ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ง่ายและรวดเร็วภายใน 10-30 วินาที มีหลอดไฟ LED 3 ดวง ที่ฉายแสง UV-C ได้มุมใช้งานที่กว้าง ให้สามารถสาดแสงทุกสิ่งรอบตัวคุณ

ราคา 1,690