Honda Accord ซีดานสปอร์ต สุดหรูที่มีอายุอานามในอุตสาหกรรมยานยนต์มายาวนานกว่า 43ปีนับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรก จนถึงวันนี้การเดินทางกว่า 4ทศวรรษ Honda Accord กลับมาพร้อมกับรุ่นเจเนอเรชั่นที่ 10 ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านดีไซน์เเละสมรรถนะการขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา พรีเมี่ยม เพิ่มเติมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นเเละอัตราสิ้นเปลืองพลังงานที่ให้ตัวเลขที่ดีขึ้น
All-New Honda Accord เผยโฉมสู่สาธารณชนครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปี 2019 ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ มาพร้อม 2 ขุมพลังขับเคลื่อน ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า เเละ เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ระบบ Full Hybrid ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว รวมถึงเทคโนโลยีฟีเจอร์ในการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนา
ล่าสุด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทยจำกัด) จัดกิจกรรมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบการขับขี่ All-New Honda Accord สปอร์ตซีดานหรูเจเนอเรชั่น 10 รุ่น 1.5 Turbo EL บนเส้นทาง อ.เมือง เชียงใหม่ – อ.ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ ระยะทาง 172 กม. ร่วมกับผู้บริหารเเละทีมวิศวกรผู้พัฒนา All-New Honda Accord ที่มาให้คำเเนะนำ เเละตอบข้อซักถามจากบรรดาสื่อมวลชนที่มาทดสอบการขับขี่ในครั้งนี้
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ All-New Honda Accord เริ่มจากดีไซน์ที่ได้รับการพัฒนาในคอนเซ็ปต์ Absolute Confidence 3ด้านหลักได้แก่ Dynamics – ความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว ทั้งในด้านดีไซน์ และสมรรถนะการขับขี่, Captivating – ความมีเสน่ห์และน่าดึงดูดของรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เเละ Upscale – ยกระดับคุณภาพการพัฒนายนตรกรรมให้สง่างาม และเหนือระดับเกินคลาส
ดีไซน์ภายนอกสะดุดตากับเส้นสายการออกแบบของตัวรถที่ให้อารมณ์โฉบเฉี่ยวตั้งแต่เเรกเห็น บวกกับความสปอร์ตเเละความหรูหราพรีเมี่ยมที่ผสมกันอย่างลงตัว เริ่มจากกระจังหน้าโครเมียมที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่น เสาอากาศครีบฉลาม พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว
นอกจากนี้ All-New Honda Accord ยังได้รับการปรับมิติของรถให้มีความกว้างเพิ่มขึ้น 55มม. ทำให้รถมีขนาดความกว้าง 1,862มม. ยาว 4,894มม. สูง 1,450มม. ระยะฐานล้อ 2,830มม. ความสูงใต้ท้องรถ 131.3มม. ด้วยขนาดมิติดังกล่าวทำให้รถมีศูนย์ถ่วงต่ำลง ซึ่งทีมวิศวกรเรียกการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่า “Wide and Low” ขณะเดียวกันโครงสร้างตัวถังได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ให้มีความแข็งแกร่ง ทนทานมากขึ้น แต่กลับมีน้ำหนักที่เบาลงจากเดิมถึง 56กก. ทำให้น้ำหนักรวมของรถอยู่ที่ 1,464กก.
ภายในห้องโดยสารได้รับการปรับครั้งใหญ่ใหม่ยกชุดเช่นกันโดยได้รับเเรงบันดาลใจการออกแบบมาจากฮอลล์จัดเเสดงคอนเสิร์ตที่ให้ความโอ่โถง กว้างขวางผสานความสปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว คอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น เบาะนั่งใช้วัสดุหนังหุ้มได้รับการปรับระดับที่ต่ำลงกว่าเดิมตอกย้ำความเป็นสปอร์ตเเม้เเต่การนั่งขับขี่ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Memory Seat) พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ, ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า เเละเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับได้ สำหรับในรุ่น 1.5 เทอร์โบ EL ห้องโดยสารใช้โทนสีดำในการตกแต่ง
อัลบั้มภาพ 3 ภาพ
นอกจากนี้ยังตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลายด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย เช่น มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่ม รับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) อีกระดับของการสั่งการแบบอัจฉริยะ ด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศได้จากระยะไกลเพื่อเตรียมพร้อมบรรยากาศที่ผ่อนคลายก่อนออกเดินทาง ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
แม้จะไม่มีระบบ Honda Sensing มาให้ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากรุ่น 2.0 Hybrid แต่เทคโนโลยีความปลอดภัยใน All-New Honda Accord รุ่น 1.5 Turbo EL ยังมีฟีเจอร์ เเละอุปกรณ์ความปลอดภัยที่เป็นระบบมาตรฐานที่ให้มาได้แก่ ระบบเเสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน, กล้องเเสดงภาพด้านหลัง, ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ถุงลมคู่หน้า, ด้านข้างแถวหน้า่, ม่านถุงลมด้านข้าง, ระบบป้องกันล้อล๊อคเเละระบบกระจายเเรงเบรก, ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบเพิ่มความคล่องตัวขณะขับขี่, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
ด้านขุมพลัง All-New Honda Accord มาพร้อมกับขุมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิด 243 นิวตัน-เมตร จากเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร รองรับน้ำมัน E85
หลังจากที่ได้สัมผัส All-New Honda Accord บนเส้นทางจากตัวเมืองเชียงใหม่วิ่งยาวๆ สู่เส้นทาง อ. ดอยสะเก็ด ด้วยโหมด ECON อัตราเร่งการส่งกำลังตอบสนองได้น่าพอใจเเละเมื่อลองปรับเป็นโหมดการขับขี่ Sport ยิ่งรู้สึกได้ชัดถึงขุมพลังความแรงที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอัตราเร่งตอนต้นที่เหมือนกับแรงม้า ทั้ง 190 ตัวพร้อมตอบสนองฉุดกระชากให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ขุมพลังใหม่ที่จัดจ้านแบบนี้แม้เครื่องยนต์จะถูกลดไซส์ลง แต่ก็ทำให้ลืมอัตราเร่ง 2.4 เบนซินแบบเดิมไปได้เลย พวงมาลัยมีน้ำหนักมากขึ้น นิ่งมากขึ้นเเละเเม่นยำมากขึ้นทำให้การขับขี่ในความเร็วมีความมั่นใจยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าประทับใจใน All-New Honda Accord นอกจากสมรรถนะเครื่องยนต์เเล้วการทรงตัว การเข้าโค้ง การเกาะถนนสัมผัสได้ถึงช่วงล่างที่มั่นคง ในเป็นการโค้งลงหรือขึ้นเขา(ในช่วงบนเส้นทางทดสอบ อ.ดอยสะเก็ด เป็นเนินเขาเเละทางลาดชัน) ด้วยอารมณ์ของรถที่มาแบบสปอร์ตอยู่เเล้ว ขณะขับขี่หากปรับเป็นโหมด S เเละปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ด้วยตนเองด้วย Paddle Shift ยิ่งให้ความสนุกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น
หากคนที่ชอบรถยนต์ซีดานที่ให้สมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ต All-New Honda Accord 1.5 Turbo 190 แรงม้า น่าจะตอบโจทย์ได้ตรงเป้ามากที่สุด คำถามที่หลายคนมักตั้งแง่สำหรับรถรุ่นนี้คือเครื่องยนต์ถูกปรับไซส์ให้เล็กลงแบบนี้ประสิทธิภาพจะลดลงตามหรือไม่ ก็คงต้องขอตอบว่านี่คือข้อดีเพราะเมื่อเครื่องยนต์เล็กลง แต่ให้แรงม้าถึง 190 ซึ่่งเป็นตัวเลขที่มากกว่า Accord รุ่นเดิมที่ให้แรงม้าเพียง 174 เเละให้อัตราประหยัดน้ำมันดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม เหมาะทั้งการขับขี่ทั้งในเมืองเเละนอกเมือง ขณะที่ราคาก็น่าคบหาที่ 1,475,000 บาท