อย่างแรกขอบอกก่อนว่าควรใช้วิจารณญานในการรับชมนะฮะ เพราะบทเรียนของคนเราย่อมแตกต่างกัน และนี่คือประสบการณ์จริงส่วนบุคคลของเรา ผู้มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์น้อยมาก หนึ่งในเป้าหมายที่จะเสียทรัพย์ง่ายๆ หากรู้ไม่เท่าทัน และก็เสียมาเยอะจริงๆ เจ็บจนระแวงไปหมดแล้ว หลังจากอ่านจบ ตรงไหนน่าคิด ลองเก็บไว้เป็นทางเลือก เผื่อเป็นตัวช่วยให้หลายๆ หัวอก ที่ต้องตกใจเมื่อเห็นบิลค่า ‘เช็คระยะ’ และ ซ่อมบำรุงต่างๆ เพราะเรามัน รถคันเก่า เข้าศูนย์บริการไหนดี
เริ่มต้นประสบการณ์ของเรา ให้เข้าใจง่ายๆ
- รถยนต์ เก๋ง ปี 2009 (ก็ 10 ปี อะนะ)
- 1- 5 ปีแรก : เข้าศูนย์รถยนต์ของค่ายที่ซื้อ เคยจ่ายค่าบริการมาแล้ว ตั้งแต่ 2,000 – 10,000 บาท
- หลังจากนั้น ลองเข้าอู่ : โดนตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาท เหตุเพราะรถเก่าแล้ว นู่นนี่เสีย (เสียจริงบ้าง โดนหลอกบ้าง) // — มีคนแนะนำอู่ที่ไว้ใจได้ แต่ไกลบ้านเหลือเกิน จึงไม่ตรงกับความสะดวกของเรา
เข็ดจากอู่เลยหันไปซบอกศูนย์บริการ
หนึ่งเหตุผลง่ายๆ ที่เราเลือกใช้ ศูนย์บริการรถยนต์ ที่เป็นที่รู้จัก เพราะมีหลายสาขา เลือกไปสาขาที่ใกล้บ้านที่สุดได้ เริ่มต้นจากการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งเรื่องของบริการจากช่างและพนักงาน ซึ่งอาจจะดี ไม่ดี แล้วแต่สาขา แล้วแต่ดวง ไม่ได้บอกว่าทุกสาขาจะดีหรือแย่เหมือนกันนะฮะ (ซึ่งจริงๆ ลูกค้าก็หวังจะให้ดีมาตรฐานเหมือนกันทุกที่) แต่ที่น่าคิดกว่ามันคือราคานี่แหละ
ประสบการณ์ช้ำๆ ของศูนย์บริการ(แรก)
- เช็คระยะครั้งแรก ประทับใจมาก ช่างดี ราคาบริการเช็คระยะ (เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง + สลับยาง-ถ่วงล้อ ประมาณ 3,000 บาท)
- ครั้งที่ 3 เจอบริการไม่ประทับใจ (สาขาเดียวกัน ช่างคนละคน)
-
- แจ้งเปลี่ยนยาง + เช็คระยะ – ทิ้งรถไว้ให้ทำ เพราะใกล้บ้านมาก ช่างโทรมาแจ้งว่ายางยี่ห้อที่ต้องการของขาด / เราเลยแจ้งกลับว่างั้นจะเปลี่ยนยางที่อื่น
- รอค่อนวัน ไม่ได้เช็คระยะให้ เพราะเราเข้าใจคำนี้ผิด ช่วงบ่ายโทรกลับไปถามความคืบหน้า / สรุปยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย เพราะช่างเข้าใจว่า ไม่เปลี่ยนยาง ก็น่าจะไม่เช็คระยะด้วย / และพนักงานแจ้งว่า คำว่า เช็คระยะ ของศูนย์บริการนี้ หมายถึงเช็ค 30 รายการ ไม่ได้หมายถึงแจ้งเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง / โอเค เราพลาด เพราะใช้คำนี้มาตลอด / สรุปเสียเวลาเอารถไปทิ้งไว้ 1 วัน เนื่องมาจาก การเข้าใจว่า..ของเค้า + เข้าใจว่า..ของเรา ไม่โทษใครแล้วกัน
- เช็คฟรี 30 รายการ (เพิ่งเช็คให้ หลังจากโทรไปตามรถ) แจ้งว่า กรองอากาศ + กรองแอร์ ต้องเปลี่ยน / กรองอากาศ เราเพิ่งเปลี่ยนไปครั้งที่แล้ว (โชคดีเก็บใบเสร็จไว้ เพราะเจ็บมาเยอะนี่แหละ) ครั้งนี้รอด / อนุญาตให้เปลี่ยนกรองแอร์ เพราะเห็นว่าเช็ค 30 รายการให้ ยอมจ่ายไป 300 บาท แต่พอเห็นสภาพกรองแอร์อันเก่า มันยังสะอาดอยู่นี่ — 1 ดอกไปเลยจ้า
- โอเค บายยยย (เสียงเจ้าหญิงอันนา)
**ปล. 1 – น้ำมันเครื่องขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ของเราเอาความสบายใจ ก็เลือกยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งทั้งสองศูนย์นี้ก็เป็นยี่ห้อดังทั้งคู่ ราคาก็มีหลายระดับให้เลือก ขึ้นอยู่กับระยะ กม. ที่ต้องการ แต่สำหรับศูนย์สาขาใกล้บ้าน น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 10,000 กม. ราคาประมาณนี้ตลอด ส่วนน้ำยาล้างเครื่องยนต์ ศูนย์บริการนี้มักจะใส่ราคามาให้ เราเจอมา 2 ครั้งติด มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ? คนรู้น้อยต้องไปหาคำตอบ
ปล. 2 – ข้อแนะนำ : ควรเก็บใบเสร็จในแต่ละครั้งไว้ เพื่อบันทึกไว้ว่าเราได้เปลี่ยนอะไรไปแล้วบ้าง ราคาเท่าไหร่ จะได้เป็นตัวช่วยให้รู้เท่าทันช่างบางประเภท
ตอนศูนย์บริการโทรมาแจ้ง บอกราคาสิ่งที่ต้องเปลี่ยนว่ามีไส้กรองอากาศ + กรองแอร์ และน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนแล้ว –” ก็ใช่สิ ตั้งใจจะไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่แรก // เราเห็นว่ามันบ่ายแก่ๆ แล้ว และเรารีบใช้รถ เลยไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง แต่ช่างก็ทำใบเสนอราคาค่าซ่อมบำรุงมาให้ด้วย เปิดดูถึงกับ..คุณพระ! ปาไป 5,425 บาท เกือบไปละ มีอะไรบ้าง ดูตามภาพเองละกัน
ตัดใจลองไป FIT Auto
- โทรไป FIT Auto สาขาหนึ่ง แจ้งเปลี่ยนยาง
ศูนย์แจ้งว่าที่สาขาไม่มีสต๊อก แต่สามารถสั่งยางยี่ห้อนั้นได้ / โอเคจัดไป
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องที่ FIT Auto แอบกลัวแพง แต่ปรากฏ..พลิกล็อคกันน่าดู ถล่มทลาย ช่างดี ราคาบริการเช็คระยะ (เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 999 บาท) 999 คือค่าน้ำมันเครื่อง ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องให้บริการฟรีหมด!
- เช็คฟรี 30 รายการ
พนักงานก็แจ้งว่า กรองอากาศมันสกปรก (ที่ศูนย์บริการแรกบอกให้เปลี่ยน) แต่ FIT Auto เป่าให้เรียบร้อยละนะ ใช้ต่อไป ไม่เสียเงิน งุ้ยยยย
สอบถามพนักงานของ FIT Auto แจ้งว่าหากซื้อสินค้าจากศูนย์นี้ เช่น น้ำมันเครื่อง ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ใช้ในการเปลี่ยนถ่ายก็จะบริการฟรีหมด ยกเว้นอะไหล่บางประเภทที่ต้องสั่งจากภายนอก ก็จะมีค่าบริการ แต่ก็จะมีการสอบถามเช็คราคาให้และถามความต้องการของลูกค้าในการใช้บริการนั้นอีกครั้ง
แถม FIT Auto ยังมีบริการหลังการขาย เมื่อเปลี่ยนยางพร้อมกัน 4 เส้น มีดังนี้
- เติมลมยาง แบบไนโตรเจน (N2) ไม่จำกัดจำนวนครั้ง (ภายในกำหนดระยะเวลา 2 ปี)
- ปะยางแบบแทงใยไหม ฟรี! ตลอดอายุยาง
- สลับยาง-ถ่วงล้อ ทุก 10,000 กม. (5 ครั้ง)
- รับประกันยาง 120 วัน หรือ 10,000 กม.
- สามารถเข้ารับบริการได้ทุกสาขา
เราใช้บริการ FIT Auto สาขา PTT CRYSTAL ชัยพฤกษ์ เพราะใกล้บ้าน และยังมี Food Zone ให้นั่งเล่นรอ แต่ถึงจะไม่มีโซนเหล่านี้ ในศูนย์ FIT Auto ก็มีที่นั่งกว้างขวาง พร้อมเครื่องดื่มฟรีให้บริการ สงสัยเพราะห้องรับรองมันกว้างนี่แหละ เลยแอบกลัวแพง สรุปอย่ามองอะไรที่ภายนอกนะจ๊ะ หน้าตาดี และราคาเป็นมิตรมากจ่ะ อีกอย่าง ขอชมผู้จัดการสาขาไปจนถึงช่าง ให้ข้อมูลชัดเจน แก้ปัญหาบางจุดให้เราเต็มที่ ช่วยให้เรายืดอายุการใช้งานอะไหล่บางส่วนไปได้อีก
อะโชคดีมี PTT Blue Credit Card รูดแล้ว ได้เงินคืน 5% ไปอีก บวกสะสมแต้ม PTT Blue Card จากครั้งนี้ 2,840 คะแนน
สมุดรับประกันยาง FIT Auto ที่เป็นมากกว่านั้น
นอกจากจะมีข้อมูลการรับประกัน และสิทธิพิเศษการให้บริการหลังการขายแล้ว ในเล่มนี้ยังมีความรู้ ข้อแนะนำที่หลายคนอาจไม่รู้ ตั้งแต่เรื่องยาง น้ำมันเครื่อง แบตเตอรี่ ระบบเบรก โช๊คอัพ และมีเรื่องไส้กรองหลากหลายประเภทในรถยนต์ ทั้งวิธีสังเกตความผิดปกติ และเวลาที่ควรเปลี่ยน
ปล. สุดท้าย – ราคาค่าซ่อมขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และอายุของรถยนต์ด้วยนะ เพราะที่ผ่านมาเราต้องจ่ายเยอะเนื่องจากบางอย่างมันก็คงถึงวาระจริงๆ แต่ครั้งนี้ที่เราเทียบ 2 ศูนย์ ให้เห็น เนื่องจากเป็นระยะเวลาเดียวกัน เราเจอปัญหาการบริการอีกที่หนึ่ง จึงตัดสินใจลองย้ายมาใช้อีกที่หนึ่งทันที และที่เราอยากนำสเนอให้เห็นชัดๆ คือ เรื่องค่าใช้จ่ายในการให้บริการ
อย่างน้อยๆ ถ้ากลัวการเข้าศูนย์รถยนต์ หรือไม่มีอู่ใกล้ๆ ที่ไว้ใจได้ รู้สึกหวาดระแวงว่า รถคันเก่า เข้าศูนย์บริการไหนดี เราว่า ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ก็เป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่ง