ผ่านไปเเล้วสำหรับเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2562 แต่ก็ยังมีวันหยุดให้เหลือได้พักผ่อนต่ออีก 1-2วัน ขณะที่หลายคนคงเตรียมตัวที่จะเดินทางอีกครั้งหลังเสร็จสิ้นภารกิจท่องเที่ยวหรือเยี่ยมญาติพี่น้อง สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์แน่นอนว่าแม้จะเป็นช่วงปลายหรือวันหยุดสุดท้ายของเทศกาล สงกรานต์ ปริมาณรถบนท้องถนนก็หนาเเน่นไม่ต่างไปจากก่อนเริ่ม สงกรานต์ สักเท่าไหร่ เเละด้วยปริมาณรถที่หนาเเน่นจากผู้ที่ใช้รถยนต์ในการสัญจรบนถนน พฤติกรรมการขับขี่ แย่ๆ ต่อจากนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งขณะขับรถกลับจากเทศกาล สงกรานต์
1.ขับรถบนไหล่ทาง
ที่ผ่านมาเรามักได้ยินมาตลอดว่าไหล่ทางสามารถใช้ได้ในชั่วโมงเร่งด่วน เเละในช่วงเทศกาลที่จำนวนรถมากแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่ใครก็ใช้กันซึ่งตามจริงเเล้ว ไหล่ทางไม่ควรใช้สัญจรรถไม่ว่าจะเป็นกรณีเร่งด่วนหรือเทศกาลอะไรก็ตาม เว้นแต่เจ้าหน้าที่จะเปิดเป็นเลนพิเศษในกรณีนี้สามารถใช้ได้ เพราะจริงๆ เเล้วไหล่ทางมีไว้เพื่อให้รถที่เสียหรือเกิดอุบัติเหตุได้จอดเป็นการชั่วคราว เพื่อรอรถพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่มาดูเเล ฉะนั้นเจอไหล่ทางที่ไหนอย่าเพิ่งด่วนใจร้อนหักพวงมาลัยออกซ้ายหวังจะขับรูดซ้ายยาวๆ เพราะคุณอาจเจอรถที่จอดเสียอยู่ข้างหน้าได้หากเบรกทันก็เเล้วไป แต่ถ้าเบรกไม่ทันรถคุณอาจเกิดการชนกับรถที่จอดอยู่บบนไหล่ทางสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
2.เอ๊ะอะเปิดไฟฉุกเฉิน
คนไทยส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับมารยาทการใช้ไฟฉุกเฉิน เรามักพบเห็นได้บบ่อยตามแยกร่วมต่างๆ ที่ไม่มีสัญญาณไฟ หรือสัญญาณไฟจราจรชำชำรุด จะต้องมีรถที่เปิดไฟฉุกเฉินขอทางผ่านแยกดังกล่าวซึึ่งเป็นสิ่งที่ผิด เพราะไฟฉุกเฉินควรใช้เฉพาะตอนที่รถจอดนิ่งเนื่องจากเกิดปัญหาจากผู้ขับเท่านั้น ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินขณะที่กำลังขับรถ เพราะไฟฉุกเฉินที่กะพริบทั้งสองข้างของรถอาจทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกับคุณฝั่งตรงข้ามหรืออยู่ด้านซ้ายหรือขวา เกิดการไม่เข้าใจว่ารถที่เปิดไฟฉุกเฉินจะไปทางตรงหรือเลี้ยว เเม้ในช่วงที่ฝนตกหนักก็เช่นกันไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินขณะขับรถ
3.ช้าแช่ขวา
ถือเป็นพฤติกรรมที่ฝังรากลึกอยู่ในดีเอ็นเอของคนไทยไปแล้วสำหรับการขับช้าแช่ขวา พฤติกรรมการขับแบบนี้ก่อให้เกิดอุบัติเหตุเเละสร้างความน่ารำคาญต่อผู้ใช้รถอย่างมาก เพราะเลนขวาสุดคือเลนที่รถใช้ความเร็วมากเป็นพิเศษเพื่อเเซง ด้วยความเร็วของรถที่ขับเลนขวาเเล้วมาเจอรถที่ขับช้าอยู่ด้านหน้า ส่วนใหญ่คนที่ขับรถคันหลังมที่ใช้ความเร็วมากกว่ามักหักรถออกซ้ายเพื่อเเซง เเต่จังหวะการเบี่ยงซ้ายเพื่อเเซงถือเป็นจุดบอดของฝั่งคนขับจากตำแหน่งขวา การที่หักซ้ายเเล้วเจอกับรถเลนซ้ายที่อยู่ด้านหน้าก็มีโอกาสเกิดขึ้นสูงเเละเป็นที่มาของอุบัติเหตุนับไม่ถ้วน
4.ซ้ายเเซงเเล้วปาดเพื่อกลับรถ
หลายคนคงเคยเห็นพฤติกรรมแบบนี้อยู่บ่อยๆ แม้ไม่ใช่ช่วงเทศกาลในเหตุการณ์ที่คนอื่นกำลงจอดรถชิดขวาต่อคิวเพื่อกลับรถ แต่กลับมีรถคันหนึ่งรูดซ้ายขึ้นมาเเล้วปาดขวารอกลับรถ กลายเป็นว่าจากเลนกลับรถที่มีอยู่หนึ่งเลน พอมีรถมาเพิ่มอีกหนึ่งคันจากด้านซ้าย รถที่กำลังรอกลับรถคันแรกก็ไม่สามารถกลับได้เนื่องจากรถจากด้านซ้ายมาจอดบังวิสัยทัศน์การมองเห็นรถที่กำลังวิ่งสวน สรุปคือต้องรอให้รอจากด้านซ้านกลับรถปาดหน้าไปก่อน รถที่ทำถูกกฎจึงจะกลับรถตามไปได้ พฤติกรรมแบบนี้ยิ่งทำให้ปริมาณหางแถวรถที่รอคิวเพื่อกลับรถเพิ่มจำนวนมากขึ้น
5.ง่วงเเล้วฝืนขับ
การเดินทางในระยะทางไกล บวกกับปริมาณของรถที่หนาแน่นเป็นธรรมดาที่ผู้ขับขี่จะเกิดอาการเหนื่อยล้าพาให้ง่วงซึมขณะขับขี่ เเม้หลายหน่วยงานในประเทศจะรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ในช่วงเทศกาลหากมีอาการง่วงให้จอดรถพักผ่อนหรือเปลี่ยนตัวผู้ขับขี่ แต่คนส่วนใหญ่ก็มักฝืนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายด้วยการขับรถต่อไปเพื่อต้องการให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว แต่การฝืนร่างกายจากการง่วงนอนขณะหลับรถเป็นบ่อเกิดของอุบัติมาเเล้วนักต่อนัก เพราะการหลับนไปเพียงไม่กี่วินาทีรถของคุณอาจสูญเสียการควบคุมไปแม้จะตื่นขึ้นมาทันแต่อัันตรายที่อยู่เบืื้องหน้าก็ไม่อาจยับยั้งทันเหตุการณ์เเล้วกลายเป็นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันรวมถึงผู้โดยสารที่เดินทางมากับคุณด้วย
ทั้งหมดนี้ว่ากันตามจริงเเล้วก็คือมารยาทในการขับรถปกติที่ไม่ควรปฏิบัติแม้ไม่ใช้ช่วงเทศกาบสงกรานต์ นอกจากทั้ง 5ข้อที่ยกตัวอย่างมาเเล้วใจความหลักด้านความปลอดภัยขณะขับรถเดินทางไกลคือเรื่องของการเคารพเเละปฏิบัติตามกฏจราจรทุกครั้งรวมถึงไม่ดื่มเครื่องดื่มมึนเมาขณะขับรถ หากผู้ใช้รถทุกคนร่วมกันปฏิบัติตามเชื่อว่าการเดินทางไกลในครั้งนี้น่าจะเป็นการเดินทางที่ราบรื่นเเละปลอดภัยสำหรับทุกคน