ในปัจจุบันเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักถุงลงนิรภัย อุปกรณ์ Safety ที่รถทุกคันต้องมี แล้วถ้าจะบอกว่านอกจากถุงลมนิรภัยแล้ว ยังมีม่าน ถุงลมนิรภัย ที่มีความสำคัญและช่วย Save ชีวิตคุณด้วยเช่นกัน ส่วนการทำงานของถุงลมนิรภัย และม่านถุงลมนิรภัย จะเป็นอย่างไร มีความแตกต่างกันยังไง ลองมาดูกัน ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก ถุงลงนิรภัย และ ม่านถุงลมนิรภัย กันก่อนเลยว่าคืออะไร มีความแตกต่างกันยังไง
ถุงลมนิรภัย Airbag โดยพื้นฐานแล้วจะมีติดมาให้ตรงด้านหน้า Front Airbag อยู่แล้ว โดยจะติดตั้งในส่วนโครงด้านหน้าขวาและซ้าย เพื่อปกป้องผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านข้าง นอกจากนี้ในปัจจุบันในรถหลายรุ่นยังมีการติดตั้งถุงลงนิรภัยมาในจุดอื่นๆด้วยที่ไม่เพียงแต่ปกป้องในส่วนของศรีษะเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการติดตั้งถุงลมนิรภัยในจุดอื่นๆเพื่อปกป้องส่วนอื่นๆของร่างกายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยด้านข้าง Side Airbag ที่ติดตั้งไว้เพื่อป้องกันการกระแทกตรงส่วนครึ่งกลาง และ ด้านล่างของร่างกาย ถุงลมนิรภัยป้องกันเข่าและขา Knee Airbag ติดตั้งอยู่ใต้คอนโซลฝั่งผู้ขับขี่ ช่วยป้องกันขา, หัวเข่า และ ถุงลมนิรภัยตรงพื้นใต้เท้า Carpet Airbag ที่จะช่วยผ่อนและรองรับแรงกระแทกของเท้าที่จะไปกระแทกกับพื้น
นอกจากถุงลมนิรภัยที่กล่าวมาแล้ว ยังจะมี ม่านถุงลมนิรภัย หรือ Curtain Airbag อีกด้วย ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ศรีษะและหน้าไม่ให้กระแทกเนื่องจากแรงปะทะ จากทางด้านข้างในระดับกลางไปถึงรุนแรง โดยการทำงานก็คือม่านถุงลมจะขยายตัวออกมา จากการกระแทก พร้อมกันนี้เข็มขัดนิรภัยก็ทำงานด้วยการดึงกลับด้วยเช่นกัน แต่ม่านถุงลมจะมีแต่ในรถที่มีราคาแพงเสียเป็นส่วนใหญ่
ถ้าจะให้พูดถึงความแตกต่างระหว่าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัย ว่าจะช่วย Save ชีวิตคุณยังไง ก็ขอตอบได้แบบนี้คือ ม่านถุงลมนิรภัย ช่วยป้องกันและซับแรงกะแทกในส่วนศรีษะโดยตรง แต่ในส่วนของถุงลมนิรภัย จะรองรับแรงกระแทกในส่วนของทั้งศรีษะลงมาถึงหน้าอก ดังนั้นความแตกต่างในการทำงานของทั้งสองส่วนจึงค่อนข้างชัดเจน ถ้าจะถามว่าถ้าให้เลือกสองอย่างนี้จะเลือกอย่างไรดี เราคงตอบได้ว่าในรถหนึ่งคันถ้ามีทั้ง ถุงลมนิรภัย และม่านถุงลมนิรภัย ยังไงก็ดีกว่ามีอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่แล้ว แต่ถ้ามีงบประมาณจำกัดแล้วเลือกได้เพียงแค่รถที่ต้องมีเพียงถุงลมนิรภัย เราว่าก็น่าจะเพียงพอ และช่วยได้ส่วนนึงแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่อยู่กับวินัย และความระมัดระวังในการขับขี่ส่วนตัวนี่แหละที่สำคัญกว่าอุปกรณ์ Safety ที่มีเสียอีก
ภาพประกอบจาก carfromjapan