Honda Civic ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่ครองใจผู้ขับขี่ทั่วโลกมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในเจเนเรชั่นที่ 1 จนมาถึงเจเนเรชั่นที่10 ในปี 2018 Honda Civic มียอดขายมากกว่า 25 ล้านคันทั่วโลกจำหน่ายมากกว่าใน 170 ประเทศ เเละสำหรับประเทศไทยนับตั้งแต่เปิดตัว Honda Civic มาจนถึงปัจจุบันมียอดจำหน่ายรวมทั้งหมด 530,000 คัน ยังไม่นับ Honda Civic เจเนเรชั่น10 ที่เปิดตัวในปี 2016-18 ที่ทำยอดขายไปได้มากกว่า 70,000 คัน
มาถึง New 2019 Honda Civic ที่เพิ่งเปิดตัวในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปี 2561 การปรากฏตัวที่โชว์ให้เห็นถึงความหล่อเหลาในแบบสปอร์ตทั้งภายนอกเเละภายในที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงแบบไมเนอร์เชนจ์ในครั้งนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Honda SENSING เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่ทำให้ความมั่นใจในความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ตลอดการเดินทาง
New 2019 Honda Civic ยังใช้เครื่องยนต์เเบบเดียวกับรุ่นเจนฯ 2016 กับ 2 ขุมพลังเครื่องยนต์ ที่ประหยัดน้ำมันและสมรรถนะในการขับขี่ ได้แก่ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (ในรุ่น TURBO RS เเละ TURBO) พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที อัตราประหยัดเชื้อเพลิงที่ 17.9 กม./ลิตร
และรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร (รุ่น 1.8 E เเละ 1.8 EL )SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้การขับขี่ที่เร้าใจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที อัตราประหยัดเชื้อเพลิงที่ 16.1 กม./ลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ New Honda Civic 2019 ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เน้นดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมดุ,โฉบเฉี่ยวเเละงดงามตั้งแต่เเรกเห็นกับกันชนหน้าและกระจังหน้าในสไตล์สปอร์ตใหม่แบบ RS เชื่อมต่อกับไฟหน้าดีไซน์สปอร์ตแบบ LED DRL ไฟตัดหมอกแบบ LED ตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียม โดดเด่นยิ่งกว่าด้วยไฟท้าย LED รูปทรงตัว C (C-Identity) ที่เป็นเอกลักษณ์ กันชนหลังตกแต่งด้วยโครเมียมใหม่, เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ให้อารมณ์โฉบเฉี่ยวและหรูหรา บวกกับล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตใหม่ พร้อมสีใหม่ น้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (Brilliant Sporty Blue) เเละขาว Platinum white Pearl
ภายในห้องโดยสารดีไซน์ได้รับการผสมผสานกันระหว่างความหรูหราพรีเมี่ยมเเละสปอร์ตเข้ากันอย่างตัว ไฮไลท์อยู่ที่แผงตกแต่งคอนโซลด้านหน้าด้วยวัสดุ Piano Black รวมถึงลายเบาะนั่งใหม่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ง่ายต่อการใช้งานรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เเละมาตรฐานความปลอดภัยล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ในส่วนของ Honda Sensing อีกหนึ่งไฮไลท์ของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะที่มีอยู่ใน New Honda Civic ทุกรุ่นแต่ฟังก์ชั่นทั้งหมดของ Honda Sensing ยกมาจากรุ่น Honda Accord (เพิ่ม Low-Speed Follow เเละAuto High-Beam เข้ามาใน New Honda Civic) มีให้ครบในรุ่นท็อป 1.5 TURBO RS จากนั้นฟังค์ชั่นจะลดหลั่นลงมาตามรุ่น Honda Sensing คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า ที่ผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ได้แก่
-ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System – CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียงรวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีที่มีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีที่อยู่ในระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ
-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ(Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow – ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
-ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System – LKAS)กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติรวมทั้งช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่จากการขับขี่
-ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ(Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning – RDM with LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางอย่างไร้การควบคุมจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
-ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ(Auto High-Beam – AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ทีมงาน auto.MThai ได้รับเกีียรติจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่ New Honda Civic เเละรู้จักกับ บนเส้นทางกรุ่งเทพ – เขาใหญ่ รวมระยะทางไปกลับร่วม 400 กม. โดยเป็นการสลับการขับขี่ในรุ่น 1.8 EL(ขาไป) เเละ 1.5 Torbo RS(ขากลับ) ฟีลลิ่งการขับขี่ของทั้งสองรุ่นแตกต่างกันมั้ย? เอาเป็นว่าด้านสมรรถนะการขับทางไกลต่างจังหวัดไม่ต่างกันมาก 1.8 EL ก็ทำได้สบายๆ อย่างน่าพอใจ เพียงแต่ถ้าอยากเพิ่มฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ตให้สนุกยิ่งขึ้นก็สามารถปรับใช้เกียร์ Paddle Shift เติมอัตราเร่งในจังหวะเเซงหรือต้องการใช้ความเร็วที่เพิ่มขึ้น แรงบิดมาแบบเเน่นๆ ดูหวือหวากว่าในรุ่น 1.5 Torbo ขึ้นไปก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดี บวกกับความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบ Honda Sensing ด้วยเเล้วต้องบอกว่า New Honda Civic การกลับมาแบบไมเนอร์เชนจ์ที่ครบเครื่อง ทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนนะ ความปลอดภัย เเละควาามสนุกในการขับขี่
New Honda Civic มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
รุ่น TURBO RS ราคา 1,219,000 บาท
รุ่น TURBO ราคา 1,104,000 บาท
รุ่น 1.8 EL ราคา 964,000 บาท
รุ่น 1.8 E ราคา 874,000 บาท
มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) และสีขาวแพลทินัม (มุก)
*สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท