หากจะถามว่ารถสีไหนเป็นนิยมมากที่สุด มียอดสั่งมากที่สุด คำตอบคงหนีไม่พ้น รถสีขาว ที่ครองตำแหน่งแชมป์สียอดนิยมมาอย่างยาวนานจนยากที่จะถูกโค่นบัลลังก์ลงได้ แน่นอนว่าสินค้าทุกประเภทหาก Demand ความต้องการของลูกค้ามีสูง ราคาก็ย่อมจะสูงตามความต้องการ เหมือนที่เราเห็นค่ายรถหลายแบรนด์มีการตั้งราคาตัวถัง รถสีขาว ให้มีราคาสูงกว่าสีอื่น
เท่านั้นยังไม่พอในปัจจุบันหลายค่ายรถมีการผลิต สีขาวมุก (Pearl White) ออกมายั่วนำลายคนชอบ รถสีขาว อีก แถมราคาก็ถีบตัวสูงขึ้นกว่าสีขาวปกติขึ้นไปใครต้องการ รถสีขาวมุก ต้องสั่งจองกันเป็นพิเศษ รอนานกว่าสีอื่นๆ เเละต้องเพิ่มเงินมากขึ้นตั้งแต่หลักพันปลายปลายๆ ไปจนถึงหลักหมื่น เลยทำให้หลายคนสงสัยว่าเเล้วเจ้ารถสีขาวมุก มันมีดีพิเศษกว่าขาวปกติทั่วไปอย่างไร ทำไมถึงต้องจ่ายเเพงกว่า
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าโดยทั่วไปแล้วสีที่ใช้พ่นสีรถมีอยู่ 3แบบคือ
1.Solid color – คือการพ่นสีตัวถังแบบธรรมดาทั่วไปที่เราเห็นเป็นสีขาว สีดำ สีแดง สีประเภทนี้ต้นทุนไม่แพง เนื้อสีจะดูเรียบด้านมีความมันเเวววาวสะท้อนเเสงในระดับหนึ่งแต่น้อย พ่นสีชั้นเดียว
2..Metallic color – เป็นสีผสมผงโลหะ ที่เรียกว่า Metallic ปกติเเล้วตัวสีไม่มีความเงางาม แต่จะมีการพ่นเคลือบแล็กเกอร์หนึงชั้นทับอีกหนึ่งชั้น เพื่อให้เกิดความเงางาม แวววาว และป้องกันผงโลหะเหล่านั้นหลุดร่อน
3.Pearl Color – มีขั้นตอนการพ่นสีหลายชั้น เช่นหากจะทำเป็นสีขาวมุกจะทำการพ่นสีเป็นธรรมดาก่อน แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนเคลือบเงาจะมีการพ่นสีมุกทับเนื้อสีขาวอีกทีอาจต้องพ่นหลายครั้งเพื่อให้เกิดประกายมุกเเล้วจึงพ่นสีเคลือบเงาทับเป็นขั้นตอนสุดท้ายจนเงางามเวลาสะท้อนเเสงเกิดประกายมุก
ด้วยกรรมวิธีขั้นตอนในการพ่นสีที่ใช้เวลาเเละกระบวนการวัสดุ ต้นทุน เวลาที่มากกว่าการพ่นสีรถธรรมดาทั่วไป นั่นจึงเป็นเหตุผลเพราะทำไม สีมุก จึงมีราคาที่สูงกว่า เเละที่จริงเเล้ว สีมุกไม่จำเป็นต้องเป็นขาวมุกเพียงสีเดียว ทุกสีสามารถทำเป็นสีมุกได้หมด เพียงแต่ตามที่กล่าวไปตอนต้นว่า รถสีขาว คือสีที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุด นั่นจึงเป็นช่องทางการตลาดของค่ายรถในการอัพราคา หรือกำหนดแพ็คเก็จว่า สีขาวมุก คือสีที่ไฮเอนด์ นั่นจึงเป็นที่มาว่าเพราะเหตุใดสีประเภทนี้จึงต้องจ่ายแพงกว่า